พร้อมทั้ง อนุมัติให้บริษัทดำเนินโครงการลงทุนขยายกำลังการผลิต 12,000 ตันอ้อยต่อวัน ในพื้นที่โรงงานน้ำตาลครบุรี ด้วยงบประมาณ 3,116.2 ล้านบาท โดยใช้เงินทุนหมุนเวียนและเงินสดจากการดำเนินงาน 816-1,116 ล้านบาท กู้สถาบันการเงินราว 2,000-2,300 ล้านบาท
นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ KBS เปิดเผยว่า การลงทุนทั้ง 2 โครการอยู่ภายใต้"ชูการ์เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์"จะใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างเป็นเวลาประมาณ 15 เดือน เพื่อสามารถเริ่มใช้โรงงานเอทานอลและกำลังการผลิตน้ำตาลใหม่ในฤดูการหีบ 2558/59 จึงคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการผลิตได้ในฤดูหีบ 2558/59
สำหรับการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตและลงทุนในธุรกิจชีวพลังงานต่อเนื่องคือโรงงานผลิตเอทานอลในครั้งนี้จะสร้างความแข็งแกร่งให้ศักยภาพทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทเป็นอันมากเพราะนอกจากจะทำให้โรงงานน้ำตาลครบุรีมีกำลังการหีบเพิ่มขึ้นจนมีความได้เปรียบจากขนาด(Economies of Scale)แล้วยังทำให้ความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทมากขึ้นด้วยเพราะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลคือ กากน้ำตาลไปต่อยอดผลิตเป็นเอทานอลนั่นเอง
ปัจจุบัน โรงงงานน้ำตาลครบุรีมีกำลังหีบ 23,000 ตันอ้อยต่อวันเมื่อดำเนินตามโครงการขยายกำลังการผลิตแล้วเสร็จจะมีกำลังหีบเพิ่มขึ้นเป็น 35,000 ตันอ้อยต่อวัน การขยายกำลังผลิตดังกล่าวจะช่วยให้ต้นทุนผลิตต่อหน่วยลดลงและยังมีผลดีต่อการขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อยของฝ่ายจัดหาวัตถุดิบของบริษัทเนื่องจากจะทำให้ปัญหารถอ้อยติดคิวเบาบางลงทำให้ชาวไร่ที่มีศักยภาพของบริษัทมีความเชื่อมั่นที่จะขยายพื้นที่ปลูกอ้อยออกไปอีก นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า และ โรงงานเอทานอลที่รับวัตถุดิบจากโรงงานน้ำตาล คือ ก็จะมีความมั่นคงด้านการจัดหาวัตถุดิบมากขึ้นด้วย
สำหรับธุรกิจชีวมวลของกลุ่ม KBS ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 35 เมกะวัตต์เป็นที่แล้วเสร็จและจะขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ในปริมาณ 22 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะกำหนด SCOD ในช่วงเดือนสิงหาคม 2557
อนึ่ง ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/57 มีรายได้รวม 1,570.5 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 265.5 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 14.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำลง