ICHI ร่วมทุนเปิดโรงงานในอินโดฯ พร้อมลงทุน 750 ลบ.ขยายการผลิตในไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 26, 2014 14:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนตาม Joint Venture Agreement จดทะเบียนและจัดตั้ง ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม ชาพร้อมดื่มในประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 682,500 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย หรือคิดเป็นประมาณ 2,020.2 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทจะร่วมทุนกับ บริษัท PT Atri Pasifik (AP) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทและ AP ถือหุ้นในสัดส่วนรายละร้อยละ 50 คิดเป็นมูลค่าร่วมทุนส่วนทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 200,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย หรือคิดเป็นประมาณ 592.0 ล้านบาท รวมมูลค่าร่วมทุนส่วนทุนจดทะเบียนจำนวน 400,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย หรือประมาณ 1,184.0 ล้านบาท

นอกจากนั้น ICHI จะให้เงินกู้ยืมในอนาคตแก่บริษัทร่วมทุน ตามสัดส่วนการถือหุ้นในส่วนของบริษัทจำนวน 141,250 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย หรือประมาณ 418.1 ล้านบาท จากประมาณการจำนวนเงินให้กู้ยืมในอนาคตเบื้องต้นทั้งหมดจำนวน 282,500 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย ประมาณ 836.2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินให้กู้ยืมดังกล่าวแก่ JV จะเกิดขึ้นต่อเมื่อยอดขายสินค้าเป็นไปตามสัญญาที่ระบุ และทางบริษัทจะต้องเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตที่ประเทศอินโดนีเซีย

ICHI ระบุว่า ผู้บริหารได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและความคุ้มค่าในการลงทุนของโครงการฯ โดยการลงทุนในครั้งนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มลูกค้าในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีมูลค่าการเติบโตของตลาดชาพร้อมดื่มเฉลี่ย 15% ต่อปี โดยมูลค่าตลาดชาพร้อมดื่มมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในอัตราที่สูงกว่าโดยเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี บริษัทมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือผู้ที่ชอบดื่มน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้และผู้ที่ต้องการความสดชื่น มุ่งเน้นกลุ่มผู้บริโภคทุกวัย กลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน กลุ่มไลฟ์สไตล์ทันสมัย และกลุ่มรักสุขภาพ ซึ่ง AP เป็นพันธมิตรทางธุรกิจสัญชาติอินโดนีเซียที่มีเครือข่ายในช่องทางการจัดจำหน่าย Modern Trade ประเภทร้านสะดวกซื้อ(Convenient Store) ที่มีสาขา ครอบคลุมทั่วประเทศอินโดนีเซีย จะช่วยสร้างโอกาสทางการตลาดและส่งเสริมแผนการขายของบริษัทได้เป็นอย่างดี

พร้อมกันนั้น คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติการเข้าลงทุนในระบบติดตัง้ ภายใน เครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงานเฟส 2 ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา รวมมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 750 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ