การซื้อกิจการทั้งสองมาเพื่อเสริมธุรกิจของบริษัทฯ โดยบริษัทฯไม่มีนโยบายจะเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในธุรกิจหลัก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัท และอำนาจควบคุมบริษัท มูลค่าสินทรัพย์ของ U Best และ มูลค่าสินทรัพย์ของ Media Agency รวมกันมีมูลค่ามากกว่ามูลค่าสินทรัพย์ของ AJP โดยมีขนาดรายการรวมกันมากกว่า 100% ของมูลค่าสินทรัพย์ของ AJP
อย่างไรก็ตาม การได้มาซึ่งสินทรัพย์ของ U Best และ สินทรัพย์ของ Media Agency เข้าข้อยกเว้นตามข้อ24 ของ ประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ.2547 ประกอบกับ ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ โดยเข้าข้อยกเว้นทุกข้อ
และไม่ถือว่าเป็นกรณีที่จะต้องยื่นคำขอให้พิจารณารับหลักทรัพย์ใหม่ (BackdoorListing) เนื่องจากธุรกิจที่ได้มามีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือเสริมกันกับธุรกิจของบริษัท และ บริษัทไม่มีนโยบายจะเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในธุรกิจหลักของบริษัท กลุ่มบริษัทอันเป็นผลจากการได้มาซึ่งสินทรัพย์มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในคณะกรรมการของบริษัทและในอำนาจการควบคุมบริษัทหรือผู้ถือหุ้นที่มีอนาจควบคุมของบริษัท
อนึ่ง เมื่อรวมผลประกอบการและสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัทฯ แล้วปรากฎข้อเท็จจริงว่ากลุ่มบริษัทมีผลประกอบการกำไรและมีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวกเพิ่มมากขึ้น
สำหรับกณฑ์การกำหนดราคา U Best และสิทธิบริหารเวลาออกอากาศจาก Media Agency เป็นเวลา 3 ปี เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยบริษัทฯประเมินจากประมาณการรายรับรายจ่ายว่าในระยะเวลา 3 ปีบริษัทฯสามารถทำกำไรได้ในอนาคต โดยกำหนดราคา U Best ตามมูลค่าสินทรัพย์โดยใช้เกณฑ์เปรียบเทียบมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ โดยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2557 บริษัท ยู เบสท์ พ้อยท์ มีเดีย จำกัด ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 3,000,000 บาท เป็น 48.000,000 บาท โดยชำระเต็มมูลค่าและได้ซื้อทรัพย์สินเป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อาทิเช่น สตูดิโอ โรงถ่าย โรงตัดต่อ จำนวน 30,000,000 บาท และได้ซื้ออุปกรณ์ในการผลิตรายการโทรทัศน์ เป็นเงิน 12.685.000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ส่วนเกณฑ์การกำหนดราคา Media Agency ใช้เกณฑ์เปรียบเทียบมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน ทั้งนี้ ตามร่างสัญญา AJP จะต้องชำระค่าตอบแทนจำนวน 725,800,000 บาท ซึ่งประกอบด้วย ค่าสิทธิจำนวน 355,000,000 บาท และค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 10,300,000 บาท เป็นเวลา 36 เดือน รวมทั้งสิ้น 370,800,000 บาท เพื่อตอบแทนการได้สิทธิออกอากาศทั้งหมด 5 ช่อง คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อช่องต่อเดือน ที่ 4,032,222.22 บาท คิดเป็นต้นทุนโฆษณาต่อนาที ที่ 933.38 บาทต่อนาที จากจำนวนนาทีโฆษณาที่ได้รับต่อช่องต่อเดือนที่ 4,320 บาทต่อนาที ตามกฎหมาย (ค่าโฆษณา 6 นาที ต่อชั่วโมง คูณ 24 ชั่วโมง คูณ 30 วัน) ในขณะที่ อัตราค่าโฆษณาตามราคาตลาดเฉลี่ยตกอยู่ที่นาทีละ 3,000-10,000 บาท (Source: Analysis based from AGB Nielsen Mobile Research) แต่บริษัทฯคิดคำนวนเพียงร้อยละห้าสิบ ของ ราคาตลาดเฉลี่ยที่นาทีละ 3,000-10,000 บาท หรือ คิดเป็นเงิน 1,500 บาทถึง 5,000 บาท ต่อนาที บริษัทฯ จึงคาดว่า บริษัทฯ จะมีกำไรประมาณ 566.62 - 4,066.62 บาทต่อนาที
ที่มาที่ไปของสัญญาได้รับสิทธิบริหารเวลาออกอากาศจาก Media Agency 5 ช่อง สืบเนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีช่องสถานีออกอากาศเป็นของตัวเองและมีผู้ร่วมผลิตรายการเพื่อผลิตรายการออกอกาศที่มีคุณภาพ แต่บริษัทฯยังขาดประสบการณ์ทางด้านการตลาดและการหาลูกค้าที่จะผลิตรายการและขายโฆษณา ซึ่ง Media Agency 5 ช่องมีประสบการณ์ด้านนี้อยู่เมื่อมาร่วมกันจึงสามารถทำให้บริษัทฯมีศักยภาพในการประกอบธุรกิจและมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯเป็นผู้บริหารจัดการเวลาการออกอากาศ การซื้อขายเวลา เช่า ให้เช่าเวลาการออกอากาศ การโฆษณาสินค้า ธุรกิจและการบริการ การดำเนินรายการ การหาผู้ร่วมผลิตรายการในช่องโปรแกรมรายการโทรทัศน์ 5 ช่อง อายุสัญญามีกำหนดเวลา 3 ปี บริษัทฯจ่ายค่าทำสัญญาสำหรับระยะเวลา 3 ปี เป็นจำนวนเงิน 355,000,000 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ชำระภายใน 30 วัน นับแต่ลงนามทำสัญญา และค่าตอบแทนรายเดือนสำหรับ 5 ช่อง เป็นจำนวนเงินเดือนละ 10,300,000 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ผลตอบแทนที่จะได้รับ คือ สิทธินำเวลาของช่องโปรแกรมรายการโทรทัศน์ดาวเทียมออกให้เช่าหรือ ให้เช่าช่วง หรือ หาผู้ร่วมผลิตรายการเพื่อจัดหารายได้ และ/หรือ สิทธิประโยชน์ ผลตอบแทนต่างๆ เช่น. สิทธิในการจัดหาค่าตอบแทนจาก ค่าโฆษณา ค่าจ้างเผยแพร่รายการโทรทัศน์ สิทธิในการจัดหาค่าตอบแทนจาก ผู้ที่ขอเข้าร่วมผลิตรายการโทรทัศน์ สิทธิในการจัดหาค่าตอบแทนจาก ผู้สนับสนุนรายการ
การพิจารณาสิ่งตอบแทน AJP พิจารณาจาก 1) รายได้และกำไรที่ AJP คาดว่าจะได้รับ ซึ่งมีตัวแปรสำคัญได้แก่ ฐานลูกค้าของ Media Agency ที่สามารถนำมาต่อยอดกับช่องสัญญาณที่ AJP มีอยู่แล้วทั้ง 16 ช่อง นอกจากนี้การ พิจารณาสิ่งตอบแทน AJP ยังได้พิจารณาถึง know-how ในการบริหารจัดการนาทีโฆษณาและการบริหารจัดการ สปอนเซอร์จาก Media Agency ซึ่งเป็น Know-how ที่ AJP ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
วัตถุประสงค์ในการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ในราคาต่ำนั้น AJP จะนำไปจัดสรรให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัท U Best และ บริษัท Media Agent สำหรับการได้มาซึ่งทรัพย์สินของบริษัท U Best และ บริษัท Media Agent และการจัดสรรให้แก่นายธนา เบญจาทิกุล เพื่อระดมเงินทุนมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จำนวนหุ้นและราคาเสนอขาย 63,775,000 หุ้น ที่ราคาเสนอขายที่ 8 บาท/ต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับราคาเฉลี่ย 6.00 บาท ในวันทำบันทึกความเข้าใจ กับ U Best และ Media Agent บวกส่วนต่างร้อยละ 2 ทั้งนี้ ราคาเฉลี่ย 6.00 บาท เป็นราคาเฉลี่ยของราคาปิดตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ถึงวันที่ 13 มิถุนายน 2557
ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 12,000,000- หุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 8.00 บาทให้แก่ นายธนา เบญจาทิกุล เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรสำคัญของบริษัทในการเติบโตทางด้านลิขสิทธิตามสัญญาผลิตรายการระหว่างประเทศ เนื่องจากนายธนา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีความสนใจจะซื้อสิทธิในการถ่ายทอดสด ลิขสิทธิรายการจากต่างประเทศ และลิขสิทธิในงานแสดงต่างๆ (event) ทั้งด้านดนตรีและกีฬาเป็นจำนวนมาก