จากการที่จำเลยทั้งสิบสามได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่ออคิวเมนท์ โดยการนำบันทึกข้อตกลงในการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) ลงวันที่ 13 ก.ย.49 ระหว่าง TT&T กับอคิวเมนท์ ที่จำเลยทั้งหมดรู้ดีว่าสิ้นผลบังคับไปนานแล้วมาฟ้องอคิวเมนท์ ให้ทำการโอนขายหุ้นทริปเปิลทีที่อคิวเมนท์ถืออยู่ในทริปเปิลทีให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TT&T หรือผู้สืบสิทธิ เป็นจำนวน 876.9 ล้านหุ้นเศษ เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.882/2557 โดยเจาะจงฟ้องคดีและร้องขอให้ศาลคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างที่ ทริปเปิลที (ซึ่งเป็นบริษัทที่มีอคิวเมนท์เป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมด)กำลังดำเนินการยื่นเรื่องขอจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ซึ่งเริ่มมาด้วยดีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้จนใกล้จะเสร็จสิ้นกระบวนการ
การฟ้องคดีดังกล่าวเป็นการที่จำเลยทั้งสิบสามได้ร่วมกันและแบ่งแยกหน้าที่กันดำเนินการโดยยอมเสียค่าทนายความและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นจำนวนมากในการฟ้องคดีทั้งๆที่ TT&T จะไม่ได้รับประโยชน์ใดเป็นส่วนตนจากการฟ้องคดีเลย แต่ต้องการใช้เหตุที่มีการฟ้องคดีและการร้องขอให้ศาลคุ้มครองประโยชน์นั้นมาทำให้การจัดตั้งกองทุนรวมของทริปเปิลที ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตทำให้อคิวเมนท์ได้รับความเสียหาย
ดังนั้น อคิวเมนท์ได้เรียกร้องค่าเสียหายในคดีนี้เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 6,350 ล้านบาท โดยขอให้ศาลกำหนดค่าเสียหายเอากับจำเลยแต่ละรายตามความหนักเบาของพฤติการณ์ในการทำละเมิด โดยขอให้ TT&T บริษัท พีซีแอล แพลนเนอร์ จำกัด, นายชาย วัฒนสุวรรณ, นายชลิต สถิตทอง และนายกิตติพัฒน์ อินทรเกษตร (จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5) ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 2,500 ล้านบาท
และ ขอให้นายเพิ่มศักดิ์ เดชะไกศยะ, นายพินิจ อาภานันทิกุล, นายบุญเสริม แสงทอง,นายชำนาญ กิจสมมารถ และนายตริณญ์ อินทรโอภาส (จำเลยที่ 6 ถึงที่ 10) ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 1,200 ล้านบาท และขอให้บริษัท อยุธยา ลิมิเต็ด, บริษัท อันดามันซี เมเนจเม้นท์ ลิมิเต็ด และนายไลชุง แมน (จำเลยที่ 11 ถึงที่ 13) ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 2,650 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลได้มีคำสั่งให้รับฟ้องของอคิวเมนท์ไว้แล้วเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2557 โดยได้กำหนดนัดชี้สองสถานและนัดพร้อมไว้ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 9.00 น. ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของศาลกำลังส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้ง 13 คน