MAX เลื่อนวาระซื้อ SA หลังเข้าข่าย Backdoor Listing ต้องยื่นตลท.ปี 58

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 11, 2014 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชำนิ จันทร์ฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บมจ.แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น (MAX) แจ้งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้เลื่อนการเสนอวาระการเข้าซื้อหุ้นสามัญบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (SA) ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เนื่องจากการลงทุนใน SA เป็นผลให้ MAX ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เข้าข่าย Backdoor Listing บริษัทจำเป็นต้องยื่นเสนอต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อพิจารณาคุณสมบัติเสมือนรับหลักทรัพย์ใหม่ (Relisting) ภายในปี 58

ในการพิจารณาให้บริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นบริษัทจดทะเบียนจะต้องพิจารณาคุณสมบัติดังต่อไป ผลการดำเนินงานตามเกณฑ์การพิจารณารับหลักทรัพย์ บริษัทจะดำเนินการให้มีโครงสร้างการถือหุ้นที่ไม่มีการขัดแย้งทางผลประโยชน์ บริษัทจะดำเนินการจัดตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อให้เข้าทำ Due diligence ศึกษาข้อมูลของ SA โดยละเอียด บริษัทจะดำเนินการให้บริษัท SA จัดทางบการเงินโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตเข้าการตรวจสอบงบการเงิน พร้อมกับจัดทางบการเงินเสมือนการควบรวมของบริษัทและ SA สำหรับปี 56 และ 57 ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 58

บริษัทจะดำเนินการให้ SA มีระบบควบคุมภายในที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของตลท.และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.) และหากว่าจำเป็นบริษัทจะดำเนินจัดจ้างบริษัทที่มีความชานาญในการวางระบบการควบคุมภายในมาดำเนินการให้บริษัทมีระบบการควบคุมภายในเป็นไปตามเกณฑ์โดยเร็ว โดยบริษัทคาดว่าจะยื่นคำขอการรับหลักทรัพย์ใหม่ (Relisting) ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ภายในไตรมาส 2/58

หลังจากนั้นบริษัทจะเข้าลงทุนใน SA ภายหลังการได้รับอนุญาตตามเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ (Relisting) จาก กลต. และ/หรือ ตลท. โดยการดำเนินการเพื่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต บริษัทมีแผนก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม สำหรับที่พักอาศัยในเขตใจกลางพื้นที่กทม. (Central Business District) ในหลายๆ พื้นที่ อาทิ ถนนสาทร ถนนสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษก เป็นต้น โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ที่มีรายได้ครัวเรือนมากกว่า 60,000 บาทต่อเดือน, พนักงานบริษัทหรือเจ้าของกิจการในย่านใจกลางเมือง, ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่เรียนตามย่านใจกลางเมือง และผู้ที่ต้องการมีห้องชุดเป็นของตนเอง โดยไม่ไกลจากที่อยู่อาศัยเดิม โดยมูลค่าของโครงการแต่ละโครงการจะมีมูลค่าประมาณ 2,500 -3,500 ล้านบาท โดยจะพิจารณาทยอยดำเนินการตามความสำคัญของทำเลที่ตั้งและความต้องการของผู้ซื้อ บริษัทจะใช้ทุนส่วนหนึ่งและใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินอีกส่วนหนึ่งเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและประหยัดค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ เงินเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาจง (Private Placement) จำนวน 900 ล้านบาท ซึ่งได้ผ่านมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจาปี 57 ในวันที่ 11 เมษายน 57 บริษัทจะดำเนินการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจเหล็กจานวนประมาณ 300-400 ล้านบาท และสำหรับเงินเพิ่มทุนส่วนที่เหลือบางส่วนนั้นจะใช้สำหรับวางเป็นประกันการซื้อที่ดิน มีเงื่อนไขให้บริษัทสามารถรับคืนเงินประกันได้ในกรณีที่บริษัทไม่ได้รับการอนุมัติตามเกณฑ์การพิจารณารับหลักทรัพย์ใหม่ (Relisting) ของ กลต. และ/หรือ ตลท.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ