ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีด้านเคมิคอลส์ชั้นนำในประเทศนอร์เวย์ โดยบริษัท เอสซี จี เค มิ คอลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด ได้เข้าซื้อหุ้นในส่วนแรกร้อยละ 51 ของบริษัท Norner Holding AS หรือ Norner Group และจะเข้าซื้อหุ้นในส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 49 ภายในเดือนกันยายน 2558 คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 340 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของหนี้สินประมาณ 40 ล้านบาท
สำหรับการเข้าถือหุ้นทั้งหมด โดย Norner Group เป็นศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุและพอลิเมอร์ ตั้งอยู่ที่เมืองสแตททาเล ประเทศนอร์เวย์ ปัจจุบันให้บริการด้านคำปรึกษาซึ่งครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการผลิตพอลิเมอร์ (Polymerization) จนถึงการขึ้นรูปพลาสติก (Plastics Application) สำหรับการใช้งานหลากหลายประเภท อาทิ พลาสติกสำหรั บอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊ส ท่อ และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ นอกจากนี้ Norner Group ยังมีห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ครบครัน รวมถึงความพร้อมด้านนักวิจัยและเจ้าหน้าที่เทคนิค นับเป็นหนึ่งในบริษัชั้นนำด้านการวิจัยและพัฒนาพลาสติกระดับโลก
ขณะที่การขยายการลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซีย บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ร่วมทุนระหว่างบมจ. เอสซีจี เปเปอร์ และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 70 และ 30 ได้เข้าถือหุ้นร้อยละ 90 ในบริษัท PT Indoris Printingdo หรือ Indoris มูลค่ากิจการรวม 290 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของหนี้สิ น จำนวน 60 ล้านบาท โดย Indoris เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูงที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีฐานการผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีมูลค่าแพิ่มสูง (High Value Added Products: HVA) อาทิ กล่องออฟเซต ปัจจุบัน มีกำลังการผลิต 8,000 ตันต่อปี โรงงานตั้งอยู่ที่เมือง Tangerang ห่างจากกรุงจาการ์ต้าไปทางทิ ศตะวันตกประมาณ 40 กิโลเมตร
อนึ่ง ในปี 56 ที่ผ่านมา Indoris มียอดขายรวม 153 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการต่อยอดการพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และ พัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนแล้ว ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอสซีจี ในการขยายเข้าสู่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ในประเทศอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง หลังจากการเข้าถือหุ้นในบริ ษั ท PT Primacorr Mandiri (Primacorr) เมื่อเดื อนกันยายน 56 ที่ผ่านมา ซึ่งเอสซีจี ยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสในการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในภู มิภาคอาเซียนต่อไป