ทั้งนี้ ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ ABC ในวันที่ 18 ธันวาคม 2557 พร้อมทั้งขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2557 เป็นต้นมา เนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2557 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งให้ ABC แก้ไขงบการเงินงวดไตรมาสที่ 3 ปี 2557 และนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีแล้วต่อ ก.ล.ต. พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชนภายในวันที่ 16 มกราคม 2558
สืบเนื่องจาก ABC หยุดดำเนินธุรกิจสิ่งทอและไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว โดยในระหว่างปี 2557 ABC ได้ขายสินทรัพย์และโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวไปเป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์ในงบกำไรขาดทุน ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดให้กิจการต้องโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวไปยังกำไรสะสม เมื่อเลิกใช้สินทรัพย์นั้น
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2557 ABC ได้นำส่งงบการเงินสำหรับงวดไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 ฉบับแก้ไข โดยปรับปรุงรายการกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายจำนวน 201.36 ล้านบาทที่เคยรับรู้ในงบกำไรขาดทุน โดยตัดออกจากบัญชีดังกล่าว และบันทึกไปยังกำไรสะสมโดยตรง ทำให้แสดงกำไรสุทธิของบริษัทลดลงจาก 180.19 ล้านบาท จนเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน (21.19) ล้านบาท ซึ่งลดลง 201.38 ล้านบาท
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ ABC ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ 1. เหตุผลที่บริษัทโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวข้างต้นไปเป็นกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายในงบกำไรขาดทุน ซึ่งส่งผลให้บริษัทแสดงกำไรสุทธิในงบการเงินสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 สูงเกินไปจำนวน 201.38 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 111.76 ของกำไรสุทธิที่แสดงไว้เดิม และความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
2. การปรับปรุงรายการดังกล่าวมีผลกระทบต่องบการเงินฉบับก่อนหน้างบการเงินงวดไตรมาสที่ 3 ปี 2557 ที่ได้มีการนำส่งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯและเผยแพร่ต่อผู้ลงทุนหรือไม่ อย่างไรและมีแนวทางแก้ไขผลกระทบดังกล่าวอย่างไร
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ ABC ชี้แจงข้อมูลดังกล่าวภายในวันที่ 7 มกราคม 2558 และขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินของบริษัทด้วยความระมัดระวังเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน