สำหรับสินทรัพย์ที่จะจำหน่ายไปครั้งนี้ ประกอบด้วย ใยแก้วนำแสง (FOC) ความยาวไม่เกิน 8,000 กิโลเมตร ,เสาโทรคมนาคม ไม่เกิน 350 เสา และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมประเภท Passive อื่นที่เกี่ยวข้อง (หากมี)
โดยอาจเป็นการขายกรรมสิทธิ์ และ/หรือ สิทธิครอบครอง และ/หรือสิทธิการเช่าระยะยาวในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดังกล่าว และ/หรือสิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้ในอนาคตที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคาเพิ่มเติมดังกล่าว อันรวมถึงการนำทรัพย์สินออกให้เช่า และ/หรือรูปแบบการลงทุนอื่นใดตามที่กองทุนสามารถลงทุนได้ตามกฎหมาย โดยมีมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนทั้งสิ้น ไม่เกิน 1.4 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ TRUEIF ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการลงทุนมีมติเมื่อวานนี้ เห็นควรให้กองทุนฯลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมดังกล่าว จะมีมูลค่าการลงทุนรวมอยู่ในช่วงราคาประมาณ 1.0-1.4 หมื่นล้านบาท โดยช่วงราคาดังกล่าวอ้างอิงจากราคาประเมินเบื้องต้นของผู้ประเมินราคาอิสระสองรายที่กองทุนฯจัดให้มีเพื่อทำหน้าที่ประเมินค่าทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติม โดย TRUEIF กำหนดวันประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 26 ก.พ.
ทั้งนี้ มูลค่าสุดท้ายที่กองทุนฯจะเข้าลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมจะไม่สูงกว่าราคาประเมินค่าต่ำสุดของผู้ประเมินราคาอิสระสองรายที่กองทุนฯ จัดให้มีเพื่อทำหน้าที่ประเมินค่าทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมดังกล่าว โดยเมื่อคำนวณขนาดของรายการทั้งหมดแล้ว คาดว่าจะมีขนาดรายการมากกว่า 3% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนฯ ณ วันที่ 31 ธ.ค.57 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 72,113,243,596 บาท
สำหรับแหล่งเงินทุนที่กองทุนฯจะนำมาใช้ลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าว จะมาจากกลุ่มธนาคาร และ/หรือสถาบันการเงิน ซึ่งอาจจะประกอบด้วย ธ.กรุงเทพ (BBL) และ/หรือธ.ไทยพาณิชย์(SCB) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการอนุมัติภายในของธนาคาร และ/หรือสถาบันการเงินดังกล่าว
TRUEIF ระบุว่าการเข้าลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าว จะเป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินกิจการโทรคมนาคมของผู้ประกอบการในธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการให้บริการในธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจบริการวงจรและโครงข่ายสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง ธุรกิจอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง(WiFi) เป็นต้น อีกทั้งคาดว่ากองทุนฯจะสามารถจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่กองทุนฯลงทุนเพิ่มเติม โดยการให้เช่าระยะยาวกับผู้เช่าหลักของกองทุนฯ คือกลุ่มทรู