BBL ระบุว่าในปี 57 มีรายได้รวม 96,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีก่อนหน้า โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 3,118 ล้านบาท หรือ 5.6% ,รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 2,282 ล้านบาท หรือ 6.4% และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 5,140 ล้านบาท หรือ 13.5%
ธนาคารมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจำนวน 43,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,140 ล้านบาท หรือ 13.5% จากปี 56 ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร เช่น ค่าใช้จ่ายเพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 57 มีการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวในระดับต่ำตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น ยุโรป จีน และญี่ปุ่น และการใช้จ่ายภาครัฐต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ปัญหาการเมืองในช่วงครึ่งปีแรกและหนี้ภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ภาคธุรกิจชะลอการลงทุนและภาคครัวเรือนมีการใช้จ่ายอย่างจำกัด
ปัจจัยลบเหล่านี้ส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อของธนาคาร โดย ณ สิ้นเดือนธ.ค.57 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,782,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29,566 ล้านบาท หรือ 1.7% จากสิ้นเดือนธ.ค.56 อย่างไรก็ตามสินเชื่อมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วง ไตรมาส 4 โดยเติบโต 2.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 และเป็นการเติบโตสูงสุดใน 4 ไตรมาส สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 มาจากลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก ลูกค้าบุคคล และลูกค้าต่างประเทศ
ด้านคุณภาพสินเชื่อยังอยู่ในเกณฑ์ดี ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนธ.ค.57 จำนวน 45,046 ล้านบาท ลดลง 1,072 ล้านบาท จากสิ้นเดือนก.ย.57 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 2.1% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนก.ย. 57 ที่ 2.3% ขณะที่อัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็น 204.1% และมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่ 5.2%
ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2,058,779 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธ.ค.57 เพิ่มขึ้น 123,507 ล้านบาท หรือ 6.4% จากสิ้นปี 2556 และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ในระดับ 86.6% ลดลงจาก 90.6% ณ สิ้นเดือนธ.ค.56 เนื่องจากธนาคารมีการบริหารสภาพคล่องให้เพียงพอต่อความต้องการเงินทุนของลูกค้าด้วยต้นทุนที่เหมาะสม ธนาคารจึงมีการระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ 2.37% ซึ่งใกล้เคียงกับปี 56
ด้านเงินกองทุน หากนับรวมกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.57 เข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณ 18.3% , 16.0% และ 16.0% ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 ธ.ค.57 มีจำนวน 323,491 ล้านบาท คิดเป็น 11.7% ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 169.47 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 14.44 บาท จากสิ้นปี 56