โดยการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและขยายฐานผู้ถือบัตรแรบบิทซึ่งในปัจจุบันมีผู้ถือบัตรแรบบิทอยู่ประมาณ 3.5 ล้านใบ และโดยการเข้าร่วมโครงการนี้ BSS ตั้งเป้าว่าจะสามารถเพิ่มยอดผู้ถือบัตรแรบบิทได้อีกประมาณ 0.7 ล้านใบ
ภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ BSS และ AEONTS จะร่วมกันออกบัตรแรบบิทร่วม (the Co-Branded Rabbit) ซึ่งผลิตภัณฑ์แรกตามโครงการนี้คือบัตรสมาชิกอิออน-แรบบิท (AEON Rabbit Member Card) โดยผู้ถือบัตรนี้สามารถใช้บัตรเพื่อรับบริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคจาก AEONTS และใช้บัตรเพื่อเดินทางโดยสารในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ตลอดจนใช้บัตรนี้ในการซื้อสินค้าหรือรับบริการจากร้านค้าต่าง ๆ ที่ร่วมรับบัตรและรับสิทธิโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษจากร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ
นอกจากนี้แล้ว บริษัท บีเอสเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (บริษัทย่อยที่บริษัทฯ กำลังจะจัดตั้งขึ้น) ("BSS Holdings") และ AEONTS จะร่วมกันจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อรับโอนสิทธิเรียกร้องในสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่เกิดจากการเบิกใช้สินเชื่อผ่านบัตรสมาชิกอิออน-แรบบิท เพื่อดำเนินโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Securitization) ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 โดยโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์นี้มีอายุไม่เกิน 10 ปี และมีขนาดลงทุนของโครงการไม่เกิน 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะเข้าลงทุนในหุ้นกู้ที่จะออกโดยนิติบุคคลเฉพาะกิจนี้ในจำนวนไม่เกิน 4,500 ล้านบาท และ BSS Holdings และ AEONTS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลเฉพาะกิจนี้ จะให้การสนับสนุนเงินกู้ยืมแก่นิติบุคคลเฉพาะกิจในสัดส่วนที่เท่ากันในจำนวนรวมกันไม่เกิน 500 ล้านบาท
โดยนิติบุคคลเฉพาะกิจนี้จะนำเงินที่ระดมทุนได้จากหุ้นกู้และเงินกู้ยืมนี้ไปซื้อสิทธิเรียกร้องในสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคจาก AEONTS คาดว่าจะสามารถดำเนินการจัดตั้งได้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่1 ของปี 58
อย่างไรก็ตาม โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์นี้จะต้องยื่นขออนุญาตและได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ก่อน