BTS-AEONTS ตั้งบ.ย่อย ออกบัตรแรบบิทร่วม-ทำ Securitization ขนาด 5 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 2, 2015 09:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส (BTS) เปิดเผยว่า ในบ่ายวันนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2558) จะมีพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Understanding) ระหว่างบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัทฯ) ("BSS") และบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ("AEONTS") ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ เพื่อความร่วมมือทางธุรกิจในระยะยาวร่วมกันระหว่างกลุ่มบริษัท บีทีเอส (บริษัทฯ และบริษัทย่อย) ("BTS Group") และ AEONTSซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการขยายธุรกิจด้านสมาร์ทการ์ดของ BTS Group

โดยการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและขยายฐานผู้ถือบัตรแรบบิทซึ่งในปัจจุบันมีผู้ถือบัตรแรบบิทอยู่ประมาณ 3.5 ล้านใบ และโดยการเข้าร่วมโครงการนี้ BSS ตั้งเป้าว่าจะสามารถเพิ่มยอดผู้ถือบัตรแรบบิทได้อีกประมาณ 0.7 ล้านใบ

ภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ BSS และ AEONTS จะร่วมกันออกบัตรแรบบิทร่วม (the Co-Branded Rabbit) ซึ่งผลิตภัณฑ์แรกตามโครงการนี้คือบัตรสมาชิกอิออน-แรบบิท (AEON Rabbit Member Card) โดยผู้ถือบัตรนี้สามารถใช้บัตรเพื่อรับบริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคจาก AEONTS และใช้บัตรเพื่อเดินทางโดยสารในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ตลอดจนใช้บัตรนี้ในการซื้อสินค้าหรือรับบริการจากร้านค้าต่าง ๆ ที่ร่วมรับบัตรและรับสิทธิโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษจากร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ

นอกจากนี้แล้ว บริษัท บีเอสเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (บริษัทย่อยที่บริษัทฯ กำลังจะจัดตั้งขึ้น) ("BSS Holdings") และ AEONTS จะร่วมกันจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อรับโอนสิทธิเรียกร้องในสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่เกิดจากการเบิกใช้สินเชื่อผ่านบัตรสมาชิกอิออน-แรบบิท เพื่อดำเนินโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Securitization) ตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 โดยโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์นี้มีอายุไม่เกิน 10 ปี และมีขนาดลงทุนของโครงการไม่เกิน 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะเข้าลงทุนในหุ้นกู้ที่จะออกโดยนิติบุคคลเฉพาะกิจนี้ในจำนวนไม่เกิน 4,500 ล้านบาท และ BSS Holdings และ AEONTS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลเฉพาะกิจนี้ จะให้การสนับสนุนเงินกู้ยืมแก่นิติบุคคลเฉพาะกิจในสัดส่วนที่เท่ากันในจำนวนรวมกันไม่เกิน 500 ล้านบาท

โดยนิติบุคคลเฉพาะกิจนี้จะนำเงินที่ระดมทุนได้จากหุ้นกู้และเงินกู้ยืมนี้ไปซื้อสิทธิเรียกร้องในสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคจาก AEONTS คาดว่าจะสามารถดำเนินการจัดตั้งได้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่1 ของปี 58

อย่างไรก็ตาม โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์นี้จะต้องยื่นขออนุญาตและได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ