ทั้งนี้ จากส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนและ ULG 95 ที่ปรับลดลงกว่า 200 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ส่งผลให้เครือไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตรวมของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันอยู่ที่ 6.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 0.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัวลงตตั้งแต่ช่วงหลังของปี 2557 โดยราคาน้ำมันดิบดูไบได้ปรับลดลงมาสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี ในเดือนธันวาคม 2557 ทำให้มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 4.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือ 14,439 ล้านบาท และมีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ามูลค่าสุทธิที่จะได้รับจำนวน 2,451 ล้านบาท โดยกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
โดยเฉพาะผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 4 ปี 2557 เครือไทยออยล์ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบ จากสต๊อกน้ำมัน(Gross Integrated Margin including stock loss - GIM) อยู่ที่ติดลบ 3.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4
อย่างไรก็ดี เครือไทยออยล์ ได้มีการบริหารความเสี่ยงด้านราคาอย่างมีประสิทธิภาพทำให้มีกำไรจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิ 2,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 926 ล้านบาท ดังนั้น เครือไทยออยล์จึงมี EBITDA ลดลง 19,686 ล้านบาท เป็น 2,651 ล้านบาท นอกจากนี้ เครือไทยออยล์มีต้นทุนทางการเงิน 3,966 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 996 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ บันทึกภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจากการขาดทุนทางภาษีจำนวน 920 ล้านบาท ดังนั้น จึงทำให้ในปี 2557 เครือไทยออยล์มีขาดทุนสุทธิ 4,026 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 1.97 บาท
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 บริ ษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์ รวมทั้งสิ้น 192,802 ล้ นบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อน 15,860 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในไตรมาส 4 นอกจากนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี หนี้เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้ นกู้ (รวมส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี ) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5,404 ล้ นบาท สาเหตุหลักจากการที่บริษัทฯได้ออกหุ้นกู้ จำนวน 15,000 ล้านบาทในเดือนมีนาคม 2557 เพื่อใช้ทดแทนการคืนเงินกู้ เป็นเงินลงทุน และ/หรือเงินทุนหมุนเวียน และในไตรมาส 4 ปี 2557 บริ ษัท ลาบิกซ์ จำกัดได้ กู้ยืมเงินสกุลเงินบาท จำนวน 2,564 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างโรงงาน ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 บริษัทฯได้ ชำระหนี้หุ้นกู้สกุลเงินบาทที่ครบกำหนด จำนวน 12,000 ล้านบาท