ตลท.ระบุว่า ตามที่ตลท.ได้ประกาศให้ BIG ซึ่งเดิมชื่อบมจ.ซันวู้ดอินดัสทรี (SUN)เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.51 เนื่องจากบริษัทไม่ได้ส่งงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.50 ล่าช้าเกินกว่า 180 วัน และตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศเพิ่มเหตุอาจถูกเพิกถอนเพิ่มเติม เนื่องจากงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.50ปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์และผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินประจำปีเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน (ปี 50-52) ในวันที่ 12 พ.ย.51 และวันที่ 7 ก.ย.53 ตามลำดับ
ต่อมาวันที่ 30 พ.ย.53 ตลท.ย้ายหลักทรัพย์ของ BIG ไปอยู่ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group : NPG) ทั้งนี้ BIG ได้ยื่นคำขอให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนและขอให้เปิดซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดพาณิชย์ โดยบริษัทได้ปรับปรุงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานแล้วดังนี้
ปัจจุบัน BIG ดำเนินธุรกิจลงทุนในกิจการอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทแกน คือ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า จำกัด (Big Camera : บริษัทย่อยร้อยละ 100) ดำเนินธุรกิจค้าปลีกกล้องถ่ายภาพ อุปกรณ์ถ่ายภาพและอุปกรณ์เสริม และธุรกิจค้าปลีกโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมทั้งธุรกิจการให้บริการแก่ผู้ใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพ
Big Camera ซึ่งเป็นบริษัทแกนของ BIG มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือ 3 ปีล่าสุดก่อนยื่นคำขอไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท โดยปีล่าสุดมีกำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในงวดสะสมก่อนยื่นคำขอ ซึ่งพิจารณาจากงบการเงินประจำปี 54-งวด 9 เดือนแรกของปี 57 เท่ากับ 28.01 ล้านบาท 87.26 ล้านบาท 142.62 ล้านบาท และ 66.47 ล้านบาท ตามลำดับ และ ณ วันที่ 30 ก.ย.57 มีทุนชำระแล้วเท่ากับ 300 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 350.97 ล้านบาท รวมทั้งสามารถแสดงได้ว่าบริษัทมีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงตามสภาพธุรกิจของบริษัทไปอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ BIG มีผลการดำเนินงานภายหลังจากที่ได้เข้าซื้อกิจการของ Big Camera แล้ว โดยงวด 9 เดือนของปี 57 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 32.15 ล้านบาท และ ณ วันที่ 30 ก.ย.57 มีส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 348.21 ล้านบาท รวมทั้งสามารถแสดงได้ว่าบริษัทมีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงตามสภาพธุรกิจของบริษัทไปอย่างต่อเนื่อง
ผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงาน (Strategic Shareholders) ของ BIG ได้แก่ ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม กรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของทุนชำระแล้ว และผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 5 ราย ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 1,940,883,340 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 55 ของทุนชำระแล้วให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าจะไม่นำหลักทรัพย์ดังกล่าวของตนออกขายภายใน 1 ปี (Silent Period) นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของ BIG กลับมาซื้อขาย โดยได้รับการผ่อนผันให้เมื่อครบกำหนด 6 เดือนสามารถทยอยขายหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ในจำนวนร้อยละ 25 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขาย
ตลท.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า BIG มีคุณสมบัติครบถ้วนตามแนวทางและขั้นตอนการดำเนินการเพื่อขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนครบถ้วนแล้วดังนั้นตลาดหลักทรัพย์จึงเห็นควรให้หลักทรัพย์ของ BIG พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน โดยปลดเครื่องหมาย "SP" (Suspension) และ "NC" (Non-compliance) รวมทั้งย้ายหลักทรัพย์ของ BIG ออกจากกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non- Performing Group : NPG) และให้เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดพาณิชย์ ได้ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.58 เป็นต้นไป