CPF แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติการเข้าซื้อหุ้น CPC จำนวน 75% จาก Orient Success International Limited(OSIL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ขณะที่เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ CPF โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุน 2.85 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากกระแสเงินสดภายในกลุ่มบริษัท
ทั้งนี้ CPC เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์ เลี้ยงสัตว์ และผลิตผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์เพื่อจำหน่ายในกัมพูชา ซึ่งคณะกรรมการของบริษัทเห็นว่า การลงทุนดังกล่าวมีความสมเหตุสมผล และเป็นประโยชน์ต่อกลุ่ม เนื่องจากธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในกัมพูชา ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตของการบริโภค และ CPC ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจอาหารมากขึ้น อีกทั้งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของ CPC มีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ของกำไรสุทธิ 29.2%
โดยภายหลังการเข้าทำรายการครั้งนี้ จะทำให้ CPC เปลี่ยนสถานะจากบริษัทร่วม มาเป็นบริษัทย่อย ทำให้สามารถนำผลการดำเนินงานของ CPC และบริษัทย่อยมารวมในงบการเงินรวมนับตั้งแต่วันที่การซื้อขายหุ้นเสร็จสมบูรณ์
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร CPF เปิดเผยว่า CPC เป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในประเทศกัมพูชา มีรายได้รวมในปี 2557 จำนวนประมาณ 8,309 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 744 ล้านบาท (คิดมูลค่าโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 0.0081 บาทต่อ 1 เรียล) โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจสุกรและสัตว์ปีก การที่ซีพีเอฟเข้าไปลงทุนใน CPC ครั้งนี้ จะทำให้ซีพีเอฟเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในเขตอินโดจีน ซึ่งเป็นเขตที่มีโอกาสในการเติบโตของเศรษฐกิจและการบริโภคค่อนข้างสูงในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 426,039 ล้านบาท โดยกิจการในต่างประเทศที่มีสัดส่วน 58% และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 15% ต่อปีใน 5 ปีข้างหน้า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการสอดคล้องกับแนวทางกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในต่างประเทศ
บริษัทรายงานกำไรสุทธิจำนวน 10,562 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 49% โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีอีกจำนวน 0.45 บาทต่อหุ้น ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายไปแล้วจำนวน 0.30 บาทต่อหุ้น จะมีการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้นสำหรับปี 2557 จำนวน 0.75 บาทต่อหุ้น
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2558 นี้ บริษัทให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ รวมการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก และการบริหารจัดการด้านการเงินให้มีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ โดยได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจอย่างน้อย 10% จากปี 2557