DTC แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ อนุมัติการดำเนินงานใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงเรียนการโรงแรม และโรงแรมที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดย Philippine Hoteliers,Inc.(PHI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะเข้าร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ในสัดส่วน 40% จดทะเบียนในฟิลิปปินส์ ส่วนผู้ถือหุ้นอีก 60% อยู่ระหว่างการคัดสรรจากนักลงทุนชาวฟิลิปปินส์
บริษัทร่วมทุนจะเข้าซื้อทรัพย์สิน ซึ่งประกอบด้วย สิทธิการเช่าช่วงอาคารที่ตั้งอยู่ที่ McKinley parkway, Bonifacio Global City, Taguig ,Manila ฟิลิปปินส์ เป็นเวลา 40 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2600 ซึ่งโครงการประกอบด้วย โรงเรียนการโรงแรมและโรงแรมระดับ 5 ดาว ประมาณ 120 ห้อง พื่นที่ส่วนสนับสนุนการบริการ พื้นที่ส่วนสันทนาการ สระว่ายน้ำ พื้นที่สาธารณะ เครื่องกล ไฟฟ้า และประปา
ทั้งนี้ เมื่อรวมค่าเช่าที่คำนวณตามมูลค่าปัจจุบันและเงินลงทุนทั้งสิ้นของโครงการเท่ากับ 3.27 พันล้านเปโซ หรือประมาณ 2.39 พันล้านบาท โดย PHI ลงทุนในสัดส่วน 40% คิดเป็นเงิน 955.67 ล้านบาท ซึ่งเมื่อคำนวณขนาดรายการของโครงการดังกล่าว เท่ากับ 10.54% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม โดยแหล่งที่มาของเงินลงทุนจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน หรือการระดมทุนโดยวิธีอื่นๆ
DTC คาดว่าประมาณไตรมาส 2/58 จะสามารถลงนามในสัญญาเช่าช่วงและจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า ขณะที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนได้ประมาณไตรมาส 3/58 ซึ่งปัจจุบันการก่อสร้างของโครงการแล้วเสร็จในส่วนของงานออกแบบ และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในเดือนต.ค.60 โดยการลงทุนดังกล่าวจะทำให้สามารถขยายฐานธุรกิจด้านการศึกษาและการโรงแรมของกลุ่มบริษัทดุสิต ไปยังฟิลิปปินส์ อีกทั้งยังเป็นการสร้างมุลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทในระยะยาวด้วย
สำหรับโครงการที่สอง เป็นโครงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ซึ่งคาดว่าจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ได้ประมาณไตรมาส 2/58 ภายใต้ชื่อ บริษัท ดุสิต ซาอุดิ แอลแอลซี จำกัด โดยบริษัท ดุสิต โอเวอร์ซีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะถือหุ้น 51% บริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะรับบริหารโรงแรมระดับ 5 ดาว และที่ปรึกษาทางด้านเทคนิคการสร้างโรงแรม โดยสัญญาร่วมทุนจะมีระยะเวลาเพื่อดำเนินงาน 15 ปี และสามารถขยายอายุสัญญาได้อีก 15 ปี
ในด้านรายได้ที่เกี่ยวกับการให้บริการนั้น ใบอนุญาตทางการค้า (Licensing Fee) DTC จะเป็นผู้รับ ,การตลาด(Marketing Fee) บริษัท ดุสิต โอเวอร์ซีส์ จำกัด เป็นผู้รับ ส่วนค่าบริหาร และค่าบริการทางเทคนิคนั้น บริษัทร่วมทุนจะเป็นผู้รับ
ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนได้มีการตกลงล่วงหน้าในการเข้าบริหารงานโรงแรม 2 แห่ง คือ เมืองเจดดาห์ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย และเมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ มีจำนวนห้องพักรวมประมาณ 400 ห้อง และคาดว่าการเข้าบริหารโรงแรมดังกล่าวจะสามารถทำให้บริษัทมีรายได้ที่เหมาะสมภายในปี 60
นอกจากทุนจดทะเบียนที่จะถูกนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนแล้ว คาดว่าบริษัทร่วมทุนจะต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนอีกจำนวน 0.26 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 8.56 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาเพิ่มทุนภายหลัง
DTC ระบุว่าการร่วมลงทุนดังกล่าวเป็นการจัดตั้งบริษัท รับบริหารโรงแรม โดยมีทุนจดทะเบียนไม่มากนัก แต่สามารถสร้างเครือข่าย และช่องทางการค้า อีกทั้งยังสามารถนำเครื่องหมายการค้าของบริษัทเข้าไปเป็นที่รู้จักในประเทศนั้นๆ รวมถึงยังสามารถสร้างเครือข่ายไปยังซาอุดิอาระเบีย สามารถเพิ่มฐานลูกค้าและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายได้อีกช่องทางหนึ่ง อีกทั้งยังได้ผลตอบแทนจากการใช้เครื่องหมายการค้า และผลตอบแทนการลงทุนในรูปเงินปันผลด้วย