TMB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในไตรมาส 1/58 มีกำไรสุทธิ 1,638 ล้านบาท เติบโต 2.2% จาก 1,602 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองฯอย่างระมัดระวัง โดยได้ตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นเป็น 2,387 ล้านบาท จาก 1,161 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนตั้งสำรองฯในไตรมาส 1/58 เพิ่มขึ้น 38.1% มาที่ 4,320 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 16.6% ขณะที่ต้นทุนในการดำเนินงานลดลง 5.4%
สำหรับในส่วนของ NPL ตามงบการเงินรวมมีจำนวน 19,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,097 ล้านบาทจากสิ้นปี 57 ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.85% มาที่ 3.01% อย่างไรก็ดีอัตราส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังคงอยู่ในระดับสู่ที่ 150%
ขณะที่ในด้านเงินให้สินเชื่อนั้น สิ้นไตรมาส 1/58 มีสินเชื่อรวมจำนวนรวม 538,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากสิ้นปี 57 และเพิ่มขึ้น 7.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
TMB ระบุอีกว่าท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการเติบโตของกำไรอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงการสร้างรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน นอกจากนี้ธนาคารจะคง อัตราส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพให้อยู่ในระดับสูงเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 58 ธนาคารมองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าที่ล่าช้าทำให้การส่งออกสินค้าอาจขยายตัวได้ต่ำกว่า 1% ในปีนี้ และปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำที่กระทบต่อกำลังซื้อภูมิภาค ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพในปี 58 ที่ 3.5% โดยยังมีความเสี่ยงทางด้านลบมากกว่าด้านบวก โดยเฉพาะหากการเร่ง เบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ซึ่งจะลดทอนประสิทธิผลการลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ