ต่อมาเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 58 บริษัทฯได้รับคำสั่งจากศาล โดยศาลมีคำสั่งกำหนดใช้วิธีการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องในขณะดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการตามที่ กสท.ร้องขอ (คำสั่งศาล)
คำสั่งศาลนี้ยังไม่ถือเป็นที่สุด และจากความเห็นทางกฎหมายที่บริษัทฯ ได้รับจากที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทฯ บริษัทเชื่อว่าจะสามารถเพิกถอนคำสั่งศาลได้สำเร็จ โดยนอกจากเหตุผลอื่นๆแล้ว บริษัทฯเห็นว่าคำสั่งศาลนี้ขัดแย้งกับหน้าที่ของบริษัทในการที่จะต้องเปิดให้ผู้ประกอบการกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G รายอื่นใช้ทรัพย์สินโทรคมนาคมร่วมกับบริษัทฯตามที่กฎหมายและตามประกาศของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน ที่เกี่ยวข้องกำหนด (กล่าวคือ กำหนดให้บริษัทมีหน้าที่ต้องเปิดให้ผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายอื่นใช้ทรัพย์สินโทรคมนาคมร่วมกันกับบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์ ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และลดความซ้ำซ้อนในการสร้างโครงข่ายโทรคมนาคมอันจะเป็นการสงวนและรักษาสิ่งแวดล้อม)
บริษัทฯ เชื่อว่าคำสั่งศาลดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อการประกอบกิจการและการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัทฯ และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด เนื่องจากในช่วงระยะเวลาที่ผ่นมา ดีแทค ไตรเน็ต ได้เร่งขยายพื้นที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการใช้บริการด้านข้อมูลของผู้ใช้บริการ
และในระหว่างที่ศาลยังไม่เพิกถอนคำสั่งศาล ดีแทค ไตรเน็ต จะดำเนินการขยายโครงข่ายในการให้บริการในอนาคตโดยการใช้โครงสร้างพื้นฐานของตนเอง และ/หรือ โดยวิธีการอื่นๆ ดังนั้น ผู้ใช้บริการของบริษัท และ ดีแทค ไตรเน็ต จะไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลดังกล่าว