ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนมีแผนการเข้าร่วมประมูลเพื่อเข้ารับคัดเลือกและอนุญาตเป็นผู้เสนอขายไฟฟ้าเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ตามแต่กรณีไป โดยมีแผนจะเข้าร่วมประมูลที่กำลังการผลิตติดตั้งโดยรวมทุกโครงการไม่เกิน 120 เมกะวัตต์ในพื้นที่จังหวัดต่างๆในประเทศไทย และเมื่อประมูล PPA ได้จึงจะได้เข้าลงทุนในโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นรายอื่นที่เข้ามาร่วมทุนได้แก่ 1. บมจ. อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค (ECF) 2.บริษัท วิชญ์ อุตสาหกรรม จำกัด (WIT) 3.บริษัท ทริปเปิ้ล พี แอดไวซอรี่ จำกัด (TRIPLE P) และ 4.กลุ่มผู้ประกอบการโรงไม้ หรือโรงเลื่อยไม้ ในเขตพื้นที่ตั้งของโครงการโรงไฟฟ้าในแต่ละแห่ง ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกับ FPI
ECF บริษัท วิชญ์ อุตสาหกรรม จำกัด และ บริษัท ทริปเปิ้ล พี แอดไวซอรี่ จำกัด มีหน้าที่หลักในเรื่องการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโดยละเอียด จัดทำข้อเสนอขายไฟฟ้าต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ดำเนินการในเรื่องใบอนุญาตต่างๆที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมเอกสารประกวดราคาสำหรับงานรับเหมาก่อสร้าง ประเมินและคัดเลือกที่ปรึกษาในการดำเนินโครงการ (ถ้าจำเป็น) รวมทั้งงานด้านวิศวกรรม การเดินเครื่อง และการบำรุงรักษาเงินทุน รวมถึงการวางแผนทางด้านการเงินของโครงการ
ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการโรงไม้ หรือโรงเลื่อยไม้ มีหน้าที่หลักในการจัดหาวัตถุดิบ และ/หรือวัตถุเชื้อเพลิงชีวมวลที่จะให้เป็นเชื้อเพลิงให้กับโครงการ และที่ดิน ทั้งนี้ในเรื่องการจัดหาวัตถุดิบและ/หรือวัตถุเชื้อเพลิงชีวมวลนั้น ผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจโรงไม้หรือโรงเลื่อยไม้ตกลงที่จะขายและจัดส่งให้แก่บริษัทตามระยะเวลาที่ตกลงกัน โดยกำหนดราคาซื้อขายตามราคาตลาด
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF กล่าวว่า การร่วมมือของ 4 พันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นการขยายธุรกิจครั้งสำคัญของบริษัท ซึ่งจะสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพในอนาคต สาเหตุที่เลือกทั้ง 4 เป็นพันธมิตรเพื่อผลักดันธุรกิจร่วมกัน เนื่องจากบริษัทเองเห็นว่าทั้ง 4 บริษัท เป็นมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ จึงเป็นที่มาให้เกิดการตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกันเกิดขึ้น ซึ่ง ECF มีแผนจะขยายธุรกิจออกไปอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และธุรกิจอื่น ๆ
"นับต่อจากนี้ ECF จะเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายอารักษ์ กล่าว
ด้านนายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ FPI เปิดเผยว่า การประกาศความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการแตกไลน์ธุรกิจของ FPI ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญธุรกิจในด้านต่าง ๆ อย่าง ECF , WIT และ TRIPLE P ขณะที่พันธมิตรกลุ่มผู้ประกอบการโรงไม้ หรือโรงเลื่อยในต่างจังหวัดก็พร้อมซัพพอร์ตวัตถุดิบให้กับบริษัทร่วมทุน
"มั่นใจว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย สอดคล้องกันกับแผนการดำเนินธุรกิจของ FPI ที่พยายามแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับบริษัทในอนาคต เป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น และธุรกิจโรงไฟฟ้าถือเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ" นายสมพล กล่าว