นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAY กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปี กอปรกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกประเทศในช่วงที่เหลือของปี 58 ส่งผลให้ธนาคารปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 58 อย่างไรก็ดี การเร่งลงทุนของภาครัฐ นโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลาย และภาคการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
BAY รายงานผลกำไรสุทธิสำหรับครึ่งแรกของปี 58 จำนวน 8.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.1% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 57 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรสุทธิจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ
ขณะที่ไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% จากไตรมาส 2/57 และเพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาส 1/58 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)อยู่ที่ 4.23% ในช่วงครึ่งแรกของปี 58 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ลดลง 1.8% จากไตรมาส 1/58 แต่เพิ่มขึ้น 17.4% จากไตรมาส 2/57 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 47.1% ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 46.3% ในไตรมาส 1/58
ด้านสินเชื่อ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.58 เพิ่มขึ้น 22.9% หรือเพิ่มขึ้น 232 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.57 และเพิ่มขึ้น 0.8% หรือ 10.1 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน มี.ค.58 ส่วนเงินฝากเพิ่มขึ้น 20.3% หรือเพิ่มขึ้น 170 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.57 แต่ลดลง 0.3% หรือ 3.2 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน มี.ค.58
ส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 2.35% ต่อเงินให้สินเชื่อรวม เมื่อเทียบกับ 2.36% ในไตรมาส 1/58 อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 142% และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.8% เมื่อเทียบกับ 14.7% ณ สิ้นเดือน ธ.ค.57
BAY ชึ้แจงว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 58 สินเชื่อขยายตัว 22.9% โดยมียอดรวมอยู่ที่ 1.245 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 232 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.57 ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 2.0% จากความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 79.5% ปัจจัยหลักเป็นผลจากสินเชื่อธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด(BTMU)สาขากรุงเทพฯ ที่โอนมายัง BAY ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME)หดตัว 5.6% สะท้อนกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง
เงินรับฝากมีจำนวนทั้งสิ้น 1.007 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 170 พันล้านบาท หรือ 20.3% จากเดือน ธ.ค.57 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับโอนเงินฝากจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ และความสำเร็จในการระดมเงินฝากผ่าน “เงินฝากประจำ Step up 8 เดือน” และความสำเร็จในผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์“กรุงศรีมีแต่ได้” และ “ออมทรัพย์จัดให้” ทั้งนี้ สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายเงินคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมดอยู่ที่ 52.7% ณ สิ้นเดือน มิ.ย.58
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 4.23% เทียบกับ 4.21% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 4.32% ในปี 2557 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับลดลง ปัจจัยหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของขนาดสินทรัพย์เฉลี่ยสำหรับครึ่งแรกของปี 58 การบริหารพอร์ตสินเชื่อด้วยความรอบคอบระมัดระวังส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ดี โดย ณ สิ้นเดือนมิ.ย.58 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งหมดลดลงมาอยู่ที่ 2.35% เมื่อเทียบกับ 2.36% ในไตรมาส 1/58