S แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21 ก.ค.อนุมัติให้บริษัท แม็กซ์ ฟิวเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงทุนในโครงการซันทาวเวอร์ส โดยรับโอนกิจการทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยทรัพย์สิน และหนี้สินทั้งหมดของบริษัท ซันทาวเวอร์ส จำกัด ณ วันโอนกิจการทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในวงเงินไม่เกิน 4.5 พันล้านบาท และอนุมัติให้แม็กซ์ ฟิวเจอร์ เข้าลงนามในสัญญาโอนกิจการทั้งหมด และสัญญาอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การโอนกิจการทั้งหมดของโครงการซันทาวเวอร์สลุล่วงไปโดยสมบูรณ์
โดยมอบอำนาจให้ฝ่ายจัดการสามารถทำการเจรจาต่อรองเงื่อนไขภายใต้กรอบที่คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติ ซึ่งแม็กซ์ ฟิวเจอร์ ได้เข้าลงนามในสัญญาโอนกิจการทั้งหมด และสัญญาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง กับซันทาวเวอร์ส รวมถึงชำระเงินบางส่วนแล้วเมื่อวานนี้ (22 ก.ค. ) และมีกำหนดการเข้าทำรายการรับโอนกิจการทั้งหมดในวันที่ 10 ส.ค.58
ทั้งนี้ การรับโอนกิจการทั้งหมดดังกล่าว จะเป็นการรับโอนทรัพย์สิน หนี้สิน รวมถึงสัญญาเช่าและบริการ เงินประกัน สิทธิเรียกร้อง ทรัพย์สินทางปัญญา และเงินสด ของซันทาวเวอร์ส ซึ่งการชำระเงินแบ่งเป็น ค่าตอบแทนการโอนกิจการทั้งหมดประมาณ 2,750 ล้านบาท ซึ่งชำระให้แก่ซันทาวเวอร์ส ,การชำระคืนหนี้เงินกู้สถาบันการเงินจำนวนประมาณ 1,750 ล้านบาท ซึ่งจะชำระเมื่อการโอนกิจการทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว
ซันทาวเวอร์ส ประกอบกิจการอาคารสำนักงานให้เช่า ปัจจุบันมี 1 โครงการ โดยอาคารซันทาวเวอร์ส มี 2 อาคาร คือ ซันทาวเวอร์ส เอ สูง 33 ชั้น และซันทาวเวอร์ส บี สูง 41 ชั้น รวมถึงยังประกอบพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าภายใต้ชื่อ Sun Plaza 1 และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้องประชุม ศูนย์ออกกำลังกาย และลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เป็นต้น ทั้งนี้ ซันทาวเวอร์ส ได้มีการเช่าที่ดินเพิ่มเนื้อที่ 8 ไร่ 2 งาน 30.0 ตารางวา โดย พื้นที่ส่วนหนึ่งพัฒนาเป็นพื้นที่ปลีกให้เช่าภายใต้ชื่อ Sun Plaza 2 และอีกส่วนหนึ่งพัฒนาเป็นลานจอดรถให้เช่า
บริษัทระบุว่า การชำระเงินเพื่อลงทุนในโครงการซันทาวเวอร์ส จะมาจากเงินทุนของกลุ่มบริษัท หรือเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่าการลงทุนครั้งนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่บริษัท ขณะที่มีความเสี่ยงของธุรกิจต่ำ และยังเป็นการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอระยะยาว และบริษัทสามารถรับรู้รายได้และกำไรในงบการเงินรวม ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้และกำไรของบริษัทในช่วงที่โครงการที่พักอาศัยของบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาและคืบหน้าตามแผนงาน ซึ่งจะมีกำหนดแล้วเสร็จในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังเป็นการขยายประเภทของธุรกิจของบริษัท และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจโรงแรม และธุรกิจที่พักอาศัย
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร S กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้เป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ และเป็นจิ๊กซอว์อีกตัวหนึ่งที่สิงห์ เอสเตท ปักธงในธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งจะสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทได้ทันที และสามารถสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอในระยะยาว (Recurring Income) นอกเหนือจากธุรกิจโรงแรมทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมสันติบุรี สมุย และ โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ที่กระบี่
ซันทาวเวอร์สจะเป็นโครงการหนึ่งที่จะตอบโจทย์ด้านการสร้างรายได้และผลกำไรให้แก่ สิงห์ เอสเตท ในช่วงที่โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย และโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บนถนนอโศก-เพชรบุรีตัดใหม่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะสามารถรับรู้รายได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
“ซันทาวเวอร์ส เป็นโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า เกรดเอ ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 122,965 ตารางเมตร บนที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ (Freehold) เนื้อที่เกือบ 6 ไร่ บนถนนวิภาวดี-รังสิต ซึ่งถือเป็นทำเลที่ดีมาก สำหรับกรุงเทพฝั่งเหนือ เพราะมีการคมนาคมที่สะดวก เป็นศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า BTS และ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ซันทาวเวอร์ส ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน 2 อาคาร คือ อาคารซันทาวเวอร์ส เอ สูง 33 ชั้น และอาคารซันทาวเวอร์สบี สูง 41 ชั้น นอกจากเป็นพื้นที่สำนักงานแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้องประชุม ฟิตเนส เซนเตอร์ รวมถึง ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และส่วนที่เป็นพลาซ่า คือ Sun Plaza 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า นอกจากนี้ ซันทาวเวอร์ส ยังมีที่ดินเช่าเพิ่มเติมอีก 8 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ใช้สอยประมาณ 62,640 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ค้าปลีกภายใต้ชื่อ Sun Plaza 2 และลานจอดรถ โดยโครงการมีที่จอดรถรวมทั้งสิ้น 1,426 คัน
นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีระบบบริหารจัดการที่ดีเลิศในการให้บริการแก่ผู้เช่า ซึ่งองค์ความรู้ในการบริหารนี้จะสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่โครงการ สิงห์คอมเพล็กซ์ ที่มี กลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2560 อีกด้วย
ดังนั้นการเข้าลงทุนในซันทาวเวอร์สนี้ เป็นก้าวที่สำคัญสำหรับยุทธศาสตร์ของสิงห์ เอสเตทที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ และจะขยายไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ต่อไปในอนาคต