PSL เผย Q2/58ขาดทุนเพิ่มเป็น 402.57 ลบ.รับตลาดเรือเทกองตกต่ำต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 3, 2015 17:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL)เผยไตรมาส 2/58 ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 402.57 ล้านบาท หลังรายได้การเดินเรือลดลงจากภาวะสภาพตลาดเรือเทกองที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มีค่าใช้จ่ายการเดินเรือ,ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น รวมถึงยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

PSL แจ้งว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 ขาดทุนสุทธิ 402.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 52.76 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายได้จากการเดินเรือสุทธิ (รายได้จากการเดินเรือสุทธิจากรายจ่ายท่าเรือและน้ำมันเชื้อเพลิง) ลดลง 23% เมื่อเทียบกับไตรมาสสองปี 57 โดยหลักเนื่องจากรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือลดลงจาก 8,687 เหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 2/57 เป็น 5,757 เหรียญสหรัฐในไตรมาสนี้ จากสภาพตลาดเรือเทกองที่ตกต่ำอย่างมากและต่อเนื่อง โดยดัชนี Baltic Dry Index (BDI) ได้แตะจุดต่ำสุดในประวัติการณ์อันยาวนานในช่วงต้นปีนี้ จนถึงตลอดครึ่งแรกของปี 58 แม้ว่าจะมีจำนวนเรือเฉลี่ยประมาณ 46 ลำ ในไตรมาส 2/58 เมื่อเทียบกับจำนวนเรือเฉลี่ยประมาณ 40 ลำในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 กองเรือของบริษัท มีจำนวน 45 ลำ

นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุส่วนใหญ่เนื่องมาจากจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือ (รวมค่าเสื่อม/ค่าใช้จ่ายตัดบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือแล้ว) ลดลงจาก 4,769 เหรียญสหรัฐในไตรมาส 2/57 เป็น 4,625 เหรียญสหรัฐในไตรมาสนี้

ขณะที่ค่าเสื่อมราคาสำหรับไตรมาส 2/58 เพิ่มขึ้นจำนวน 57.83 ล้านบาทเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ รวมถึงบริษัทได้บันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงิน 31.83 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องมาจากค่าเงินสกุลไทยบาทที่อ่อนตัวเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลให้ขาดทุนเมื่อมีการแปลงเงินสดคงเหลือในรูปสกุลไทยบาท (ซึ่งเป็นเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนแบบ Rights Offering ที่ผ่านมา) เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน (Functional Currency) ของบริษัท

สำหรับงวดครึ่งแรกปีนี้ บริษัทขาดทุนสุทธิรวม 738.26 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิรวม 86.87 ล้านบาท สำหรับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการเดินเรือสุทธิ (รายได้จากการเดินเรือสุทธิจากรายจ่ายท่าเรือและน้ำมันเชื้อเพลิง) ของครึ่งแรกของปี 58 ลดลงประมาณ 24% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 57 โดยหลักเนื่องจากรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือลดลงจาก 8,972 เหรียญสหรัฐในครึ่งแรกของปี 57 เป็น 5,914 เหรียญสหรัฐในงวดเดียวกันของปี 58 แม้ว่ารายได้มาจากจำนวนเรือเฉลี่ยประมาณ 45 ลำ ในช่วงครึ่งแรกของปี 58 เมื่อเทียบกับจำนวนเรือเฉลี่ยประมาณ 40 ลำในงวดเดียวกันของปี 57

ครึ่งแรกของปี 58 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 57 สาเหตุส่วนใหญ่เนื่องมาจากจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือ (รวมค่าเสื่อม/ค่าใช้จ่ายตัดบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือแล้ว) ลดลงจาก 4,703 เหรียญสหรัฐในครึ่งแรกของปี 57 เป็น 4,629 เหรียญสหรัฐในงวดเดียวกันของปี 58

ส่วนค่าเสื่อมราคาสำหรับครึ่งแรกของปี 58 เพิ่มขึ้นจำนวน 110.42 ล้านบาทเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้นในงวดนี้ และบริษัทยังได้บันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงิน 30.55 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ