BCP แจ้งว่าในไตรมาส 2/58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 1.26 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 4.14 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันรวมของบริษัทที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มอัตราการผลิตเฉลี่ยของโรงกลั่น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) เพิ่มขึ้น 115% จากงวดปีก่อน มาที่ 5.16 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกิจโรงกลั่นมี EBITDA ที่ 3.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 230% จากงวดปีก่อน มีอัตราการผลิตเฉลี่ย 1.12 แสนบาร์เรล/วัน และมีค่าการกลั่นพื้นฐาน 10.41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยแรงจูงใจด้านค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง เป็นผลให้มีการใช้อัตราการผลิตเฉลี่ยที่สูงที่สุดของโรงกลั่นบางจากฯ และส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันรวมอยู่ที่ 1,792 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 32%จากงวดปีก่อน
ส่วนธุรกิจการตลาด มี EBITDA ที่ 657 ล้านบาท ลดลง 3% จากงวดปีก่อน โดยยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดของสถานีบริการน้ำมันเป็นอันดับ 2 ต่อเนื่องจากปี 57 ขณะที่มีค่าการตลาดรวมอยู่ 0.69 บาท/ลิตร ลดลง 13% จากงวดปีก่อน และ ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มี EBITDA ที่ 735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายไฟฟ้า 775 ล้านบาท และมีปริมาณการขายไฟฟ้ารวม 67.78 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง จากค่าความเข้มแสงเฉลี่ยที่สูงกว่าเป้าหมาย
ด้านธุรกิจไบโอฟูเอล มี EBITDA ที่ 99 ล้านบาท เพิ่มขั้น 144% จากงวดปีก่อน และธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มี EBITDA ที่ 314 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 849 ล้านบาท รวม 396,793 บาร์เรล ปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 43.17% จากไตรมาสแรก เนื่องจากในไตรมาส 2/58 บริษัท Nido Petroleum Limited(NIDO) มีสัดส่วนการถือครองในแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Galoc เพิ่มขึ้นเป็น 55.88% ทำให้มีอัตราการผลิตเฉลี่ยที่คิดเป็นสัดส่วนของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสนี้มีรายได้จากการขายน้ำมันดิบ 2 คาร์โก้ จากแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Galoc และน้ำมันดิบบางส่วนจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Nido & Matinloc