CIRKIT ระบุว่าตามที่คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแผนการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ และให้ความสนใจในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและบริการติดตามหนี้ โดยได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นกับ PBM และ WIH ซึ่งเรียกรวมกันว่า"ผู้ขาย" ซึ่งในปัจจุบันประกอบธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ประมูลซื้อและรับโอนมาจากสถาบันการเงิน และบริการติดตามหนี้สินให้แก่ลูกค้าสถาบันชั้นนำหลายแห่ง เพื่อร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าว บัดนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาผลการตรวจสอบสถานะของธุรกิจและสินทรัพย์ที่บริษัทจะเข้าลงทุนแล้วซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวมีศักยภาพที่จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการจึงมีมติอนุมัติการลงทุนดังกล่าว
โดยจะเป็นการเข้าซื้อเงินลงทุนในพอร์ตลูกหนี้ด้อยคุณภาพ ประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จาก PBM และ WIH ซึ่งประกอบด้วยสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่ผู้ขายประมูลซื้อและรับโอนมาจากสถาบันการเงิน โดยรวมทั้งสิทธิเรียกร้องในสัญญาค้ำประกันและสัญญาให้หลักประกันอื่น (ถ้ามี) ตลอดจนสิทธิที่จะได้รับจำนวนหนี้ค้างชำระตามสัญญาเช่าซื้อ ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าขาดประโยชน์ ค่าทวงถาม ค่าเสียหาย และ/หรือ เงินจำนวนใดๆที่ค้างชำระ ไม่ว่าจะถึงกำหนดชำระภายในหรือหลังวันโอนสินทรัพย์เป็นต้นไป (สิทธิเรียกร้อง ตามสัญญาเช่าซื้อ) ได้แก่
สิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อทั้งหมดที่ PBM มีอยู่ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ซึ่งมีสัญญาเช่าซื้อจำนวน 1,274 สัญญา และมีมูลค่าหนี้ค้างชำระตามสิทธิรวมทั้งสิ้น 296.3 ล้านบาท และสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อทั้งหมดที่ WIH มีอยู่ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ซึ่งมีสัญญาเช่าซื้อจำนวน 1,738 สัญญา และมีมูลค่าหนี้ค้างชำระตามสิทธิรวมทั้งสิ้น 379.8 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะชำระค่าตอบแทนให้แก่ PBM และ WIH เป็นเงินทั้งสิ้น 15,466,523 บาท และ 24,697,415 บาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและบริการติดตามหนี้สินได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ บริษัทมีแผนที่จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น และ/หรือผู้บริหารหลักของผู้ขาย (กลุ่มผู้จองซื้อ) ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและบริการติดตามหนี้สินมาเป็น เวลานาน เพื่อเข้าเป็นพันธมิตรในการลงทุนและร่วมบริหารธุรกิจของบริษัทให้เติบโตต่อเนื่องต่อไป โดยกลุ่มผู้จองซื้อจะนำเงินที่ PBM และ WIH ได้รับจากการขายสินทรัพย์ในครั้งนี้มา จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท และผู้ถือหุ้นและ/หรือผู้บริหารหลักของ PBM และ WIH สองราย คือ นายปองพล เรือนแก้ว และนายปริพล ธนสุกาญจน์ จะได้รับการเสนอชื่อเพื่อ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัทภายหลังจากที่บริษัทได้เข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ในครั้งนี้
ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าบริษัทจะสามารถเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ได้ภายในไตรมาสที่ 4/58 ซึ่งในการนี้คณะกรรมการมีมติอนุมัติการลงนามในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์กับผู้ขายสำหรับการเข้าซื้อเงินลงทุนในพอร์ตลูกหนี้ด้อยคุณภาพประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (สัญญาซื้อขายสินทรัพย์)
ขณะเดียวกันบริษัทการเข้าทำสัญญาเช่าช่วงสำหรับอาคารสำนักงานและสัญญาให้เช่าอุปกรณ์ และบริการสำหรับทรัพย์สินที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและบริการติดตามหนี้สินกับ บริษัท พีเอ แมนเนจเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนต์ จำกัด (PAM) เป็นเวลา 1 ปี โดยค่าเช่าและค่าบริการรวมกันตลอดอายุการเช่าและการบริการคิดเป็นเงินทั้งสิ้น 4,200,000 บาท และการเข้าทำสัญญาให้บริการรับจ้างติดตามหนี้สินให้กับ บริษัท พับบลิค ลอว์ จำกัด (PBL) สำหรับหนี้ที่ PBL ประมูลซื้อและรับโอนมาจากสถาบันการเงิน และการเข้าทำสัญญารับจ้างช่วงติดตามหนี้สิน (outsource) ให้กับ PBL ภายใต้สัญญาให้บริการรับจ้างติดตามหนี้สินที่ PBL ทำกับลูกค้าสถาบัน ตลอดจนจะมีการลงทุนเพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริหารติดตามหนี้และระบบควบคุมภายในเพื่อรองรับการขยายตัวของพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อที่บริษัทจะลงทุนต่อไปในอนาคต ไม่เกิน 5,000,000 บาท
CIRKIT ระบุว่า ภายหลังจากการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ในครั้งนี้ บริษัทจะประกอบธุรกิจหลักสองส่วน ได้แก่ การบริหารหนี้ด้อยคุณภาพจากพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อที่บริษัทจะเข้าลงทุนในครั้งนี้ และพอร์ตลูกหนี้ใหม่ที่บริษัทจะทยอยเข้าลงทุนต่อไปในอนาคต และการให้บริการติดตามหนี้สินให้แก่ลูกค้าสถาบันทั่วไป ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทจะเข้าทำสัญญา ดังกล่าวกับกลุ่มลูกค้าสถาบันที่ PBM และ PBL เป็นคู่สัญญาอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของลูกค้าสถาบันแต่ละราย และจะขยายฐานลูกค้าของตนเองต่อไป
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากทุนจดทะเบียนเดิม 134,122,698.36 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 187,698,636.44 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 191,342,636 หุ้น พาร์หุ้นละ 0.28 บาท เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและบริการติดตามหนี้สิน โดยจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 143,442,636 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21.40 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการออกหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีราคาเสนอขายหุ้นละ 0.28 บาท เพื่อจัดสรรให้แก่ PP อันได้แก่ กลุ่มผู้จองซื้อซึ่งจะเข้าเป็นพันธมิตรในการลงทุนในธุรกิจใหม่ของบริษัทดังนี้ นางสาวสุรีรัตน์ ตันรัตนากร ที่จะเข้ามาถือหุ้นร้อยละ 3.21 ,นายปองพล เรือนแก้ว ร้อยละ 3.21 ,นายปริญญา จารวิจิต ร้อยละ 5.35 ,นายพิสิฐ บวรเศรษฐนันท์ ร้อยละ 5.35 และนายปริพล ธนสุกาญจน์ ร้อยละ 4.28 ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือจะเป็นเพิ่มทุนของบริษัทแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 47,900,000 หุ้น
พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัทจากเดิมบมจ.เซอร์คิทอีเลคโทรนิคส์ อินดัสตรีส์ เป็นบมจ.เวนเจอร์ อินคอร์ปอเรชั่น และให้เปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์จากเดิม “CIRKIT"เป็น “VI" และอนุมัติให้บริษัทดำเนินการยื่นขออนุมัติการจดทะเบียนบริษัทเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย และเมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้บริษัทเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท บริหารสินทรัพย์ เวนเจอร์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งให้เปลี่ยนตราประทับของบริษัท แก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ และข้อบังคับของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อบริษัทต่อไป