บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) แจ้งว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการอิบารากิ ในประเทศญี่ปุ่น ขนาด 1.2 เมกะวัตต์ (MW) ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) แล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ย.58 ส่งผลให้บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้ไปแล้วรวม 3 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ 8.5 เมกะว้ตต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนผ่านบริษัทย่อยในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในญี่ปุ่น จำนวนรวม 18 เมกะวัตต์ โดยโครงการที่เหลือบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการ COD ภายในปี 58
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ CHOW กล่าวว่า โครงการอิบารากิ จะเริ่มรับรู้รายได้ทันทีในเดือนเดียวกันนี้หลังจากที่ COD เรียบร้อยแล้วในวันที่ 10 ก.ย. โดยโครงการดังกล่าวนับเป็นการลงทุนเฟสแรกจำนวน 18 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและรอการเชื่อมต่อสายส่ง 1 โครงการ คือ โครงการไซโตะ จังหวัดมิยะซะกิ ขนาด 2.388 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 7.1326 เมกะวัตต์อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้าง และจะจำหน่ายไฟฟ้าได้ในปี 58 ตามเป้าหมายที่วางไว้
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นเฟสแรกขนาด 18 เมกะวัตต์ บริษัทได้ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย พัฒนาโครงการอย่างครบวงจรทั้งการจัดหาที่ดิน ใบอนุญาตต่างๆ ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายไฟฟ้า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ และการก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 18 เมกะวัตต์ มีใบอนุญาตขายไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่การไฟฟ้าฯ ของประเทศญี่ปุ่นแล้วที่ราคา 40 เยนต่อหน่วย เป็นเวลา 20 ปี
นายอนาวิล กล่าวอีกว่า หลังจากนี้บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นคู่ขนานกันไปทั้งเฟสแรกที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการอีก 7.1326 เมกะวัตต์และเฟสที่ 2 ที่คณะกรรมการของบริษัท ได้อนุมัติให้ลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 15 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าโครงการประมาณ 1,215 ล้านบาท เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นยังต้องการใช้ไฟฟ้าจากโครงการพลังงานทดแทนอีกเป็นจำนวนมาก และบริษัทมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้เป็นอย่างดี
โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศญี่ปุ่นใน 3 รูปแบบ คือลงทุนด้วยตัวเองผ่านบริษัทย่อย โดยเริ่มเฟสแรกที่ขนาด 18 เมกะวัตต์ดังกล่าว ส่วนรูปแบบที่สองพัฒนาโครงการเพื่อขายให้กับพันธมิตร ซึ่งขณะนี้ได้พัฒนาโครงการรวมทั้งสิ้น 87 เมกะวัตต์ และลงทุนร่วมกันพันธมิตรจำนวน 40 เมกะวัตต์ และในปีนี้มีนโยบายจะขยายการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในเฟส 2 หลังจากที่เฟสแรกเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟแล้ว
ทั้งนี้ การมุ่งลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ก็เพื่อสานต่อปณิธานของคณะกรรมการบริษัทที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ก่อให้เกิดรายได้และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ ซึ่งสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยคาดว่าตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป บริษัทจะรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจพลังงานผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด อย่างเต็มตัว