SSI เดินหน้าแผนเพิ่มทุน-ปรับโครงสร้างเชื่อส่วนผู้ถือหุ้นพ้นศูนย์สิ้นปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 17, 2015 11:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯว่าบริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนดำเนินงานเพื่อปรับปรุงผลการดำเนินงาน และฐานะการเงินของกลุ่มบริษัทให้ดีขึ้น โดยได้พยายามในการเสริมสภาพคล่องด้วยการเพิ่มทุน และปรับปรุงการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปและสามารถดำเนินการตามแผนดังกล่าวได้ภายในสิ้นปี 2558 เพื่อไม่ให้งบการเงินประจำปีที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าศูนย์ จากงบการเงินล่าสุด สิ้นมิ.ย.58 มีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 1,777 ล้านบาท

SSI แจ้งว่าตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ขอให้บริษัท ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 58 ซึ่งผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต โดยปรากฏว่า ไตรมาสที่ 2 และงวดหกเดือน กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 3,236 ล้านบาท และ 6,262 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 1,777 ล้านบาท และผู้สอบบัญชีของบริษัท ได้ให้ข้อสังเกตไว้ในรายงานการสอบทานงบการเงินดังกล่าวเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท และบริษัทย่อยว่า กลุ่มบริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 52,765 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสะสมจำนวน 33,953 ล้านบาท

โดยสถานการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัทและกลุ่มบริษัทได้กำหนดนโยบายและวิธีการในการบริหารสภาพคล่องและสถานการณ์อื่นๆ ซึ่งรวมถึงการไม่สามารถปฏิบัติเงื่อนไขตามสัญญากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน การเพิ่มทุน และการปรับปรุงตารางการชำระคืนเงินต้นตามที่กำหนดในสัญญาเงินกู้ได้

กรณีดังกล่าวบริษัทจะเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯหากงบการเงินประจำปีที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าศูนย์

SSI ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนอย่างต่อเนื่องและขาดสภาพคล่องทางการเงิน สืบเนื่องจากกลุ่มบริษัทเริ่มมีผลการดำเนินงานขาดทุนตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่บริษัท เข้าซื้อธุรกิจโรงถลุงเหล็ก (Upstream Business) ในอังกฤษ เป็นช่วงเวลาที่ราคาเหล็กยังอยู่ในระดับสูง และธุรกิจโรงถลุงเหล็กได้เริ่มมีการเตรียมซื้อวัตถุดิบสำหรับผลิตเหล็กแท่งแบนไว้ แต่เนื่องจากความล่าช้าของโครงการปรับปรุงโรงถลุงเหล็ก ทำให้ยังผลิตเหล็กแท่งแบนไม่ได้ ในขณะที่ราคาเหล็กปรับลดลงในเวลาต่อมาทั้งธุรกิจโรงถลุงเหล็กและธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนจึงต้องแบกรับผลขาดทุนจากการตั้งค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือและการตั้งสำรองจากภาระผูกพันตามสัญญาซื้อวัตถุดิบที่เกิดขึ้น ประกอบกับเผชิญกับภาวะอุตสาหกรรมเหล็กที่ตกต่ำต่อเนื่องด้วย

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ธุรกิจโรงถลุงเหล็กเริ่มดำเนินการผลิตเหล็กแท่งแบนในปี 2555 เป็นต้นมา ได้ดำเนินการลดต้นทุนมาอย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันจากการปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น พัฒนาสินค้าใหม่ และผลิตเหล็กแท่งแบนที่มีคุณภาพและแข่งขันได้ในระดับโลก โดยสามารถขยายตลาดไปทั่วโลก ทั้งทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และแอฟริกา ทำให้โรงถลุงมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) เป็นบวกได้สำเร็จในครึ่งหลังของปี 2557 ก่อนจะกลับมาเป็นลบในช่วงครึ่งแรกปีนี้จากราคาเหล็กแท่งแบนที่ลดลงมากกว่าต้นทุนที่ลดลงได้ของโรงถลุง

โดยแนวทางแก้ไขของบริษัทได้มีความพยายามในการเสริมสภาพคล่องโดยการเพิ่มทุน และปรับปรุงการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการออกหุ้นเพิ่มทุนต่อเนื่องทั้งในปี 55 และปี 56 แต่ในปี 58 บริษัทยังอยู่ ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนที่ให้ความสนใจในธุรกิจของบริษัท เพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 16,000 ล้านหุ้นที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว อย่างไรก็ตามระหว่างนี้บริษัทได้รับการสนับสนุนเงินกู้ยืมจากกรรมการบริษัทฯ จำนวน 637 ล้านบาท จากวงเงินกู้ 1,700 ล้านบาท และเพื่อเป็นการลดภาระทางการเงินของบริษัทกรรมการบริษัทจึงให้เงินกู้ยืมประเภท ไม่มีภาระดอกเบี้ยตลอดระยะเวลากู้ยืมเงิน 6 เดือน นับตั้งแต่วันเบิกเงินกู้ โดยบริษัทได้เริ่มเบิกเงินกู้งวดแรกในวันที่ 21 กรกฎาคม 2558

รวมถึงกลุ่มบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากธนาคารผู้ให้สินเชื่อเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากมีความล่าช้าในการได้รับการผ่อนผันจากธนาคาร ณ วันที่ในงบการเงิน ทำให้เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินจำนวน 20,595 ล้านบาท ถูกจัดประเภทเป็นหนี้สินหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทได้รับการการยินยอมและผ่อนผันจากผู้ให้กู้ยืมทุกรายแล้วในเดือนสิงหาคม 2558 และให้เลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ออกไปจ่ายชำระในวันที่ 30 กันยายน 2558 และ 30 ธันวาคม 2558 ซึ่งกลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขอเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 ออกไปจ่ายชำระในวันที่ 30 ธันวาคม 2558

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจโดยลดต้นทุนและหยุดการขาดทุนของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก และมุ่งเน้นสร้างผลกำไรในธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนโดยการจัดหาวัตถุ ดิบเหล็กแท่งแบนราคาถูก โดยราคาเหล็กแท่งแบนที่ลดลงมามากในปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนมีความสามารถในการแข่งขันสูง และสามารถทำกำไรได้ดีโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษ (Premium Value Products) ที่มีส่วนต่างราคาสูง รวมทั้งโอกาสในการขยายตลาดเพิ่มมากขึ้นจากการเจริญเติบโตของภูมิภาคอาเซียนที่มีปริมาณการบริโภคเหล็ก 60 ล้านตันต่อปีในปัจจุบัน และจะเติบโตไปเป็น 80 ล้านตันต่อปีภายในสามปีข้างหน้า

ด้านปริมาณความต้องการใช้เหล็กในประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันปริมาณการบริโภคเหล็กเฉลี่ยในไทยยังสูงอยู่ที่ 17 ล้านตันต่อปี รวมทั้งโครงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ริเริ่มโดยรัฐบาล การใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ขยายตัวสูงขึ้น และการขยายตัวของหัวเมืองใหญ่ในประเทศ

นอกจากนี้ยังจะปรับโครงสร้างทางการเงินของกลุ่มบริษัทเพื่อเสริมสภาพคล่องและสร้าง ความแข็งแกร่งทางฐานะการเงินของกลุ่มบริษัท เช่น การเพิ่มทุน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปและสามารถดำเนินการตามแผนดังกล่าวได้ภายในสิ้นปี 2558 เพื่อไม่ให้งบการเงินประจำปีที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีปรากฏส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าศูนย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ