JWD ดำเนินธุรกิจให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ (In-land Logistics) อย่างครบวงจร แบ่งเป็น 5 ธุรกิจ ได้แก่ (1) บริการรับฝากและบริหารสินค้า ทั้งบนพื้นที่ทั่วไปและพื้นที่เขตปลอดอากร โดยแบ่งสินค้าที่ให้บริการได้ 4 ประเภทคือ สินค้าทั่วไป สินค้าอันตราย รถยนต์และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง
(2) บริการขนส่งสินค้าในประเทศ และขนส่งสินค้าข้ามแดน เช่น ประเทศลาว และประเทศเมียนมาร์ (3) บริการขนย้ายให้กับบุคคลและองค์กรทั้งในและต่างประเทศ (4) บริการจัดการเอกสารและข้อมูล เช่น บริการรับฝากข้อมูล บริการรับฝากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ บริการทำลายเอกสาร และบริการขนส่งเอกสาร เป็นต้น และ (5) ธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ให้เช่าอาคารสำนักงานและคลังสินค้า และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีจุดแข็งที่เป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่ได้รับสัมปทานให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าอันตรายในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังนาน 30 ปี จึงทำให้สินค้าอันตรายที่ผ่านเข้า-ออกท่าเรือแหลมฉบัง จะต้องผ่านคลังสินค้าอันตรายของบริษัทเท่านั้น
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ JWD กล่าวว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน SET ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยบริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ไปขยายคลังสินค้าในไทยและต่างประเทศ ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯต่อไป
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างคลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิสำหรับสินค้าแช่เย็นและแช่แข็งในประเทศเมียนมาร์ สปป.ลาวและกัมพูชา พื้นที่รวม 6,490 ตารางเมตร เพื่อรองรับธุรกิจค้าปลีกด้านอาหารที่กำลังเติบโต จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2559 ส่วนในประเทศไทยได้ดำเนินการปรับปรุงคลังสินค้าเดิมในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นศูนย์เก็บและกระจายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ มีพื้นที่ 9,000 ตารางเมตร พร้อมพัฒนาพื้นที่ศูนย์เก็บและกระจายสินค้าอันตรายเพื่อใช้แยกและกระจายสินค้าลงในรถขนส่งขนาดเล็ก ขนาดพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร โดยทั้ง 2 โครงการจะเริ่มให้บริการในไตรมาส 1/59
"บริษัทยังมีความพร้อมและศักยภาพในการก้าวไปสู่ผู้นำด้านโลจิสติกส์ในอาเซียน ด้วยการเข้าไปลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงเรายังแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้วยการร่วมทุนหรือควบรวมกิจการกับพันธมิตร เพื่อให้เราก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้"นายชวนินทร์ กล่าว
ด้านนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ในไทยและอาเซียนมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องหลังไทยก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนที่กระตุ้นให้เกิดการขยายฐานการผลิตในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม ที่ผู้ประกอบการไทยและต่างชาติเข้าไปลงทุนเพื่อใช้เป็นฐานการผลิต ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคนี้และเป็นโอกาสของ JWD ในการเข้าให้บริการแก่ลูกค้าเพื่อผลักดันการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
ด้านบทวิเคราะห์โดยฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ 4 ราย ได้แก่ บล.กสิกรไทย , บล.เอเซีย พลัส , บล.ไทยพาณิชย์ และ บล.ทิสโก้ มีมุมมองต่อทิศทางการดำเนินงานของ JWD ในปี 58-60 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยมีความสามารถทำกำไรขั้นต้นมากกว่า 40% จากรายได้บริการรับฝากสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง ยานยนต์และสินค้าอันตรายที่เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างโดดเด่น ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 17% และ 14% ตามลำดับ
ขณะเดียวกันยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็งที่ประเทศเมียนมาร์ สปป.ลาวและกัมพูชา ซึ่ง JWD ถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่เข้าไปรุกตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง จึงมีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากความต้องการบริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ จึงได้ประเมินราคาที่เหมาะสม (Fair Value) ของหุ้น JWD ในปี 58-59 ไว้ที่ 13.60-14.20 บาท โดยคำนวณจากวิธีคิดส่วนลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow : DCF) และอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ในปีนี้ที่ 22.5-23 เท่า ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมเดียวกันที่มีค่า P/E สูงถึง 34 เท่า อีกทั้งการประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสม 13.60-14.20 บาทดังกล่าว ยังคงสูงกว่าราคา IPO ซึ่งอยู่ที่หุ้นละ 11 บาท จึงสะท้อนถึงความน่าสนใจในการลงทุนได้เป็นอย่างดี