ทั้งนี้ บริษัทจะเข้าลงทุนในบริษัทแอ๊ดวานซ์ ไบโอพาวเวอร์ จำกัด (ADVANCE) จำนวน 1,499,998 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 63.14 บาท รวมมูลค่า 95.12 ล้านบาท พร้อมวงเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นๆ และรายจ่ายลงทุนเพื่อปรับปรุงเครื่องจักร รวมจำนวน 384.12 ล้านบาท รวมมูลค่าการเข้าทำรายการครั้งนี้ 479.24 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์
และเข้าซื้อหุ้นสามัญบริษัท สตึก ไบโอแมส จำกัด (SATUK) จำนวน 2,599,998 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 63.41 บาท รวมมูลค่า 164.88 ล้านบาท พร้อมวงเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นๆ และรายจ่ายลงทุนเพื่อปรับปรุงเครื่องจักร รวมจำนวน 443.76 ล้านบาท ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล มีกำลังการผลิต 7.5 เมกะวัตต์
พร้อมทั้งอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท กำหนดไว้ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท โดยเสนอขายภายในประเทศ เพื่อนำเงินที่ได้มารองรับกับการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานของบริษัทฯ ที่มีแผนการลงทุน และสร้างความเติบโตทางรายได้อย่างชัดเจนในปี 59 นี้
นายพีรทัศน์ ธนรัชต์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ UWC เปิดเผยว่า การลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้น 100% ซึ่งจะใช้เงินลงทุน และปรับปรุงเครื่องจักรทั้ง 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 923 ล้านบาท ทั้งนี้มีอัตราผลตอบแทนการลงทุน หรือ Leverage IRR เฉลี่ยสูงกว่า 26% คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมจากการขายไฟประมาณ 350 ล้านบาทต่อปี และจะเริ่มรับรู้รายได้ในต้นปี 59 ทันที หลังจากที่เข้าปรับปรุงเครื่องจักร และเดินระบบ
บริษัทฯ ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ หรือ IFA แล้ว เพื่อให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้น และจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 นี้โดยการตัดสินใจเข้าลงทุนโครงการดังกล่าว บริษัทได้ทำการตรวจสอบสถานภาพโรงไฟฟ้า หรือ Due Diligence ทั้ง 2 แห่ง ทั้งด้านกฎหมาย ด้านการเงิน และด้านเทคนิค มากว่า 3 เดือนแล้ว และมีความพร้อมที่จะเข้าไปปรับปรุงเครื่องจักรให้สอดคล้องกับเชื้อเพลิงชีวมวลผสมผสานที่บริษัทมีความชำนาญ
โรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินติดกัน จึงทำให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งในการบริหารจัดการ และการจัดส่งเชื้อเพลิง และที่สำคัญบริษัทฯ มีการวางแผนงานด้านพื้นที่ปลูกต้นเนเปียร์ และการจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลในพื้นที่ไว้เบื้องต้นแล้ว โดยบริษัทฯจะจัดหาที่ดินในการปลูกพืชพลังงาน ผนวกกับให้คนในพื้นที่โดยรอบที่มีที่ดินเป็นของตัวเอง มีส่วนร่วมในการพัฒนาพืชพลังงานควบคู่ไปกับการดำเนินการโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทฯ อีกด้วย
"‘เรายังคงเดินหน้าตามแผนงาน ที่จะเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการลงทุนทุกครั้ง บริษัทฯมีการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบด้าน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า ให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ โดยเราเชื่อมั่นว่าการลงทุนด้านพลังงานของบริษัทฯ จะเดินหน้าไปได้ตามแผนอย่างต่อเนื่อง และจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีหน้า"นายพีรทัศน์ กล่าว
ส่วนการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น หรือ Record Date คือวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558