นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ BAY กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายสินเชื่อดังกล่าวในปีนี้นั้น ไม่ได้นับรวมผลจากสินเชื่อที่ได้รับโอนจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ
"แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 ยังคงอ่อนแอ แต่กรุงศรีสามารถสานต่อกลยุทธ์และมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และสะท้อนกับแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวังและความมุ่งมั่นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า"นายโกโตะ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 BAY มีกำไรสุทธิ 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% จากไตรมาส 2/58 โดยปัจจัยขับเคลื่อนผลงานที่น่าพอใจมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น38.3% จากไตรมาส 3/57
สินเชื่อมียอดรวมอยู่ที่ 1.237 ล้านล้านบาท สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 58 สินเชื่อขยายตัว 22.1% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 224 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 57 โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 73.5% โดยปัจจัยหลักมาจากสินเชื่อ BTMU สาขากรุงเทพฯ ที่โอนมายังกรุงศรีในเดือนมกราคม 58 ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหดตัว 8.1% สะท้อนกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง สินเชื่อเพื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 5.1% จากความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
ส่วนเงินรับฝากมีจำนวนทั้งสิ้น 1.013 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 175 พันล้านบาท หรือ 20.9% จากเดือนธันวาคม 57 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับโอนเงินฝากจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ ในเดือนมกราคมและความสำเร็จต่อเนื่องในการระดมเงินฝากผ่านผลิตภัณฑ์ “เงินฝากประจำ Step Up" และเงินฝากออมทรัพย์ “กรุงศรีมีแต่ได้" และ “ออมทรัพย์จัดให้" ทั้งนี้ สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมดอยู่ที่ 52.1% ณ สิ้นเดือนกันยายน 58
สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)อยู่ที่ 4.24% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 58 โดยในไตรมาส 3/58 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.79% จาก 3.70% ในไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยหลักเกิดจากต้นทุนทางการเงินปรับตัวดีขึ้น
ณ สิ้นเดือนกันยายน 58 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งหมดอยู่ที่ 2.44% เมื่อเทียบกับ 2.35% ในไตรมาสก่อนหน้า