นอกจากนี้ยังเผชิญกับการหดตัวของตลาดมาเลเซียอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 1/58 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงระบบภาษีในประเทศมาเลเซีย รวมถึงมีการคิดค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้นในปี 58 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากการบันทึกทรัพย์สินเครื่องจักรและอาคารโรงงานในปีนี้ ตลอดจนมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 3/58 จำนวน 1.8 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีหากดูแนวโน้มในปี 58 จะเห็นได้ว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 1/58 จนถึงไตรมาสปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากสภาวะตลาดมาเลเซียที่กลับมาเป็นปกติ หลังจากหดตัวอย่างมากในไตรมาส 1/58 และการส่งออกที่มากขึ้น โดยบริษัทเร่งส่งสินค้าไปอินเดียตั้งแต่เดือนส.ค.58 และเพิ่มยอดส่งออกไปยังอินเดียเพิ่มขึ้นทุกเดือน
บริษัทระบุอีกว่า บริษัทยังมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งมุ่งขยายตลาดในอินเดียเพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจว่าจะยังคงสามารถบรรลุเป้าหมายที่จะมีรายได้ 1 พันล้านบาทได้ในปี 59 ตามเป้าหมาย
"ปีนี้ตลาดในประเทศค่อนข้างซบเซา แต่เรายังคงเชื่อว่ารายได้รวมปีนี้จะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน ถึงแม้จะไม่สามารถถึงเป้าหมาย 15% ที่เราตั้งไว้เมื่อต้นปี แต่ด้วยแผนธุรกิจที่กระจายความเสี่ยงไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น และการบริหารต้นทุนที่ดี จะช่วยผลักดันให้รายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว และจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายในปีหน้า และเรายังเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถทำรายได้รวมที่ 1,000 ล้านบาท ในปี 59 ได้"นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ ของ NDR กล่าว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า รายได้รวมในปีนี้คาดจะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 796 ล้านบาท ถึงแม้ตลาดในประเทศจะยังคงไม่ฟื้นก็ตาม เนื่องจากรับรู้รายได้จากตลาดอินเดียเข้ามาสนับสนุนเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจและกระจายฐานรายได้ให้เพิ่มขึ้น
แผนกลยุทธ์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน สำหรับตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศจะเน้นการรักษาฐานลูกค้าและยอดขายให้ไม่ตกลงไปจากเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนตลาดต่างประเทศจะเน้นการขยายการผลิตสินค้าสำหรับตลาดอินเดียซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ผลประกอบการรวมของบริษัทสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องได้
สำหรับในไตรมาส 3/58 มีรายได้รวม 201ล้านบาท กำไรสุทธิ 11.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.6 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อลูกค้าในประเทศอินเดียเข้ามาเพิ่ม ถือเป็นตลาดใหม่ที่บริษัทเข้าไปขยายฐานลูกค้า โดยเริ่มส่งขายสินค้าตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดในเดือน ต.ค.มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าในอินเดียเพิ่มขึ้นมาเป็น 15,000 เส้น คิดเป็นรายได้ประมาณ 4-5 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ในช่วงไตรมาส 3/58 นี้ แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัวลง แต่เรายังโชคดีที่มีการกระจายรายได้และฐานลูกค้าในต่างประเทศ หลังจากรุกตลาดเข้าไปในอินเดีย ทำให้มีออเดอร์ในส่วนนี้เข้ามาทดแทนตลาดในประเทศที่หดตัว ซึ่งช่วยผลักดันผลประกอบการในไตรมาส 3/58 เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทฯได้มุ่งเน้นบริหารจัดการด้านต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ จึงทำให้บริษัทฯมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง"นายชัยสิทธิ์ กล่าว