(เพิ่มเติม) THE ใส่เงินเพิ่มทุน บ.ย่อย 2.1 พันลบ.เข้าลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 16, 2015 10:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เดอะ สตีล (THE) เผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัท เดอะ สยาม พาวเวอร์ จำกัด (TSP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ 70% เพิ่มทุนไม่เกิน 3 พันล้านบาท โดยบริษัทจะเพิ่มทุนใน TSP ไม่เกิน 2.1 พันล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า โดยจะซื้อหุ้นจาก 4 บริษัท โดยมูลค่ารวมของการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของทั้ง 4 บริษัทมูลค่ารวมไม่เกิน 700 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนม.ค.59

ขณะที่จะมีการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ 4 บริษัทเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน เจ้าหนี้ทางการค้า และเจ้าหนี้อื่นๆด้วย ภายหลังจากที่ได้ซื้อหุ้นทั้ง 4 บริษัทแล้ว โดยมีจำนวนรวมกันไม่เกิน 2.3 พันล้านบาท เพื่อให้สถานะทางการเงินของทั้ง 4 บริษัทแข็งแกร่งขึ้น

สำหรับบริษัทที่ TSP จะเข้าซื้อหุ้นทั้ง 4 บริษัทดังกล่าว ได้แก่ หุ้นสามัญของบมจ. สยามเพาเวอร์ เจนเนอเรชั่น (SIPCO) สัดส่วน 98.40% โดยซื้อจาก Mperial Power Ltd (MPL) ,บริษัท สยามเพาเวอร์ โครงการ 2 จำกัด (SPP2) สัดส่วน 99.96% โดยซื้อจาก MPL ,บริษัท สยามไอซ์ จำกัด (SIC) จำนวน 99.99% โดยซื้อจากบริษัท สำเร็จ โฮลดิ้ง(ไทยแลนด์) จำกัด (SHT) และบริษัท สยาม ไพน์แอปเปิ้ล ฟีด จำกัด (SPF) จำนวน 99.99% โดยซื้อจาก SHT

การเข้าซื้อหุ้นของทั้ง 4 บริษัท มีเงื่อนไขสำคัญคือ SIPCO จะต้องปรับโครงสร้างหนี้ที่มีอยู่กับสถาบันการเงินทั้งหมดให้แล้วเสร็จ โดยภาระหนี้สินที่มี่อยู่กับสถาบันการเงินภายหลังจากการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องไม่เกิน 1.4 พันล้านบาท และ TSP จะต้องนำหุ้นของ SIPCO ที่ได้มาทั้งหมดจำนำเป็้นหลักประกันในการชำระหนี้ที่ SIPCO มีอยู่กับสถาบันการเงินทั้งหมด

รวมถึงภาระหนี้สินที่ทั้ง 4 บริษัทมีอยู่ระหว่างกัน และที่มีอยู่กับ MPL และ SHT และที่มีอยู่กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันอื่นๆจะได้รับการแปลงหนี้เป็นทุน หรือได้รับการปลดหนี้ทั้งหมดทั้งจำนวน ทั้งนี้ บรรดาหุ้นที่ MPL และ SHT ได้มาจากการแปลงหนี้เป็นทุนทั้งหมดจะถูกขายรวมให้กับ TSP ตามราคาหุ้นเบื้องต้นที่กำหนดไว้ ซึ่ง TSP จะต้องชำระให้แก่ MPL และ SHT สำหรับหุ้นทั้งหมดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 700 ล้านบาท ซึ่งราคาหุ้นเบื้องต้นนี้อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ขึ้นอยู่กับภาระหนี้สินอื่นๆ

ทั้งนี้ MPL เป็นบริษัทย่อยของ Melewar Industrial Group Berhad ซึ่งเป็นบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนอยู่ใน The Bursa Malaysia Securities Berhad มาตั้งแต่ปี 29 ขณะที่ SHT เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ MPL

THE ระบุอีกว่าคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ TSP เพิ่มทุนไม่เกิน 3 พันล้านบาท เพื่อใช้ซื้อหุ้น และใช้ชำระภาระหนี้สินของทั้ง 4 บริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ โดยบริษัทจะเพิ่มทุนใน TSP ไม่เกิน 2.1 พันล้านบาท และมีมติอนุมัติให้ TSP ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ทั้ง 4 บริษัทในวงเงินไม่เกิน 2.3 พันล้านบาท ซึ่งอาจทำได้โดยการเพิ่มทุนให้ทั้ง 4 บริษัท หรือการให้ทั้ง 4 บริษัทกู้ยืมเงิน และมีมติอนุมัติให้ TSP นำหุ้นทั้งหมดของ SIPCO ไปจำนำเป็นหลักประกันการชำระหนี้ที่ SIPCO มีอยู่กับสถาบันการเงินด้วย

สำหรับ TSP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จะเข้าซื้อหุ้นของทั้ง 4 บริษัทนั้น จะเป็นบริษัทที่จัดตั้งใหม่ โดย THE ถือหุ้น 70% ร่วมกับบริษัท กู๊ด โอลดิ้ง จำกัด (GH) ซึ่งจะถือหุ้น 30% โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าลงทุนในหุ้นทั้ง 4 บริษัทดังกล่าว ได้แก่ SIPCO ,SPP2 ,SIC และ SPF

โดย SIPCO ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าขนาด 160 เมกะวัตต์ ประเภทโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ตั้งอยู่ในโครงการสวนอุตสาหกรรม เอส เอส พี อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 90 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 25 ปี เริ่มผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) เมื่อธ.ค.53 และมี PPA กับบมจ.จี สตีล (GSTEL) จำนวน 30 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 20 ปี ตั้งแต่เดือนก.ค.58

ส่วน SSP2 มีสิทธิในการใช้ที่ดินของ SIPCO เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าในโครงการสวนอุตสาหกรรมเอส เอส พี ระยะเวลา 30 ปี นับแต่วันที่ 1 ม.ค.57 มีสิทธิในการรับโอน PPA กับกฟผ. จำนวน 90 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 25 ปี ที่ยังไม่เริ่มทำการขายไฟฟ้าจาก SIPCO ขณะที่โครงการของ SPP2 ผ่านการอนุมัติด้านรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว แต่ SPP2 ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้า

ขณะที่ SIC ประกอบธุรกิจห้องเย็นสาธารณะ ขนาด 5 พันตัน มีสิทธิในการใช้ที่ดินของ SIPCO เพื่อประกอบกิจการในโครงการสวนอุตสาหกรรม เอส เอส พี เวลา 25 ปี นับแต่วันที่ 21 ธ.ค.53 ,มีสัญญาซื้อขายไอน้ำ จาก SIPCO เป็นเวลา 25 ปี นับจากวันที่ 29 ธ.ค.53 ,สัญญาซื้อขายไฟฟ้าจาก SIPCO ระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ 1 ม.ค.54 และสัญญาซื้อน้ำดิบ จาก SIPCO เป็นเวลา 10 ปี นับจากวันที่ 1 ม.ค.53

สำหรับ SPF ประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์จากเปลือกสับปะรด กำลังการผลิต 4 ตัน/วัน มีสิทธิในการใช้ที่ดินของ SIPCO เพื่อประกอบกิจการในโครงการสวนอุตสาหกรรม เอส เอส พี เวลา 20 ปี นับแต่วันที่ 9 มี.ค.54 , สัญญาซื้อขายไฟฟ้าจาก SIPCO ระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ 1 พ.ค.54 และสัญญาซื้อน้ำดิบ จาก SIPCO เป็นเวลา 10 ปี นับจากวันที่ 30 เม.ย.55

THE ระบุว่าการลงทุนในทั้ง 4 บริษัท จะทำให้บริษัทขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้และผลตอบแทนที่ดีต่อบริษัทในอนาคต และการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ของทั้ง 4 บริษัทก่อนการเข้าลงทุน จะทำให้มีภาระหนี้เหลือในระดับที่เหมาะสมในการทำธุรกิจ โดยแหล่งเงินลงทุนที่จะซื้อหุ้นรวมไม่เกิน 700 ล้านบาท จะมาจากผู้ถือหุ้นของ TSP ซึ่งในส่วนของบริษัทจะใช้เงินทุนหมุนเวียนและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวม 490 ล้านบาท ขณะที่ GH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น TSP จะใช้เงินลงทุน 210 ล้านบาท

สำหรับการที่ TSP จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ SIPCO และบริษัทที่เกี่ยวข้องอีก 3 บริษัท เป็นจำนวนรวมไม่เกิน 2.3 พันล้านบาท เพื่อใช้ปรับโครงสร้างหนี้ ภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นของทั้ง 4 บริษัทแล้วนั้น คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนก.พ.59


แท็ก ผลิตไฟฟ้า  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ