นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. คิงส์เมน ซี. เอ็ม. ที. ไอ. (K) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ในวันที่ 18 ธันวาคม 2558 โดย K ดำเนินธุรกิจให้บริการออกแบบและตกแต่งงานอย่างครบวงจร สำหรับงานตกแต่งภายใน งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ การตลาดทางเลือก และงานพิพิธภัณฑ์และสวนสนุก
ทั้งนี้ K เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่ม Kingsmen Creatives Ltd. ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในธุรกิจออกแบบและผลิตงานสื่อสารการตลาดระดับโลกจากประเทศสิงคโปร์ ทำให้ สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายลูกค้าในระดับสากลได้ K มีขอบเขตการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และมีบริษัทย่อยคือ บริษัท คิงส์เมนเมียนมาร์ จำกัด ที่รองรับงานในประเทศเมียนมาร์
K มีทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 150 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 2-4 ธันวาคม 2558 ในราคาหุ้นละ 5.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 290 ล้านบาท พร้อมกันนี้ Kingsmen Creatives Ltd. ในฐานะผู้ร่วมทุนของ K ได้นำหุ้นเดิมมาร่วมเสนอขายที่ราคา IPO จำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 58 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์ ประธานกรรมการ บมจ. คิงส์เมน ซี. เอ็ม. ที. ไอ. (K) เปิดเผยว่า K ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของงาน การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและระดับโลกที่มีนโยบายการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเสริมสร้างฐานทุนที่แข็งแกร่ง รองรับโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น โดยจะนำเงินระดมทุนไปใช้ขยายโรงงาน ลงทุนขยายธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ และชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
K มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวพิเศษสิทธิ์ ถือหุ้น 46.00% กลุ่มผู้บริหาร ถือหุ้น 14.00% และ Kingsmen Creatives Ltd. ถือหุ้น 10.00% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 19.40 เท่า คำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 4 ปี 2557 ถึง ไตรมาส 3 ปี 2558) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.30 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด