ทั้งนี้ การกำหนดราคาซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัท วรปภา จำกัด ผู้ซื้อและผู้ขายได้เจรจาตกลงที่จะซื้อขายกันโดยอ้างอิงประโยชน์จากจำนวนทุนจดทะเบียนที่ชำระเต็มมูลค่าแล้ว มูลค่าทางการตลาด รวมถึงผลประกอบการของบริษัท วรปภา จำกัด มีปริมาณการขายเฉลี่ย 30,000 กิโลกรัม/วัน และมีสัญญาเป็นผู้ดำเนินการและบริหารสถานีบริการ NGV ภายใต้เครื่องหมายการค้าของ ปตท.ซึ่งจะสนับสนุนการประกอบกิจการของบริษัทได้ในอนาคต โดยการกำหนดราคาเป็นไปตามประโยชน์ที่จะได้รับตามความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารของบริษัท
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มจำนวนสถานีบริการ NGV ของกลุ่มบริษัทอีก 1 สถานี รวมเป็น 4 สถานี และเพิ่มยอดขายอีกจำนวน 30,000 กิโลกรัม/วัน จากประมาณ 125,000 กิโลกรัม/วัน รวมเป็นประมาณ 155,000 กิโลกรัม/วันทันที นับรวมถึงบริษัท เก้าก้อง ปิโตรเลียม จำกัด ที่บริษัทได้ทำการซื้อกิจการในเดือนธ.ค.58 ที่ผ่านมา และสามารถรับรู้ผลประกอบการจากการดำเนินงานของบริษัท วรปภา จำกัดได้ทันทีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากนับรวมสถานีบริการ NGV ที่บริษัทมีส่วนร่วมกับ บมจ.ซัสโก้ (SUSCO) จะมีจำนวนรวมทั้งสิ้นเป็น 7 สถานี
อีกทั้ง บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจเกี่ยวเนื่องก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ส่งผลให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น และสร้างอัตราการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยเฉพาะเป็นการเพิ่มรายได้ และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนสูงสุดให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาว
สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อกิจการครั้งนี้ มาจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทและสถาบันการเงิน
นายฤทธี กิจพิพิธ กรรมการบริหาร ผู้อำนวยการสายงานบริหารและการตลาด ของ SCN เปิดเผยว่า ปริมาณการขาย NGV ที่ระดับ 155,000 กิโลกรัม/วัน จะทำรายได้ประมาณ 760 ล้านบาท/ปี ซึ่งทำให้เชื่อว่าผลการดำเนินงานในปี 59 จะเติบโตสดใสแน่นอน ขณะที่การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ทำให้ทั้งปี 58 สามารถซื้อกิจการสถานีบริการ NGV ครบ 3 แห่งได้ตามเป้าหมาย