คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีในการวัดมูลค่าที่ดินจากวิธีราคาทุนเป็นวิธีการตีราคาใหม่ โดยให้มีผลกับงบการเงินรอบระยะเวลาบัญชีปี 2558 เป็นต้นไป และกำหนดให้มีการประเมินมูลค่าที่ดินทุก 5 ปี ทั้งนี้อาจพิจารณาดำเนินการก่อนกำหนด หากมีการเปลี่ยนแปลงที่กระทบต่อมูลค่ายุติธรรมของที่ดินอย่างมีสาระสำคัญ โดยบริษัทได้ว่าจ้างผู้ประเมินราคาที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ความเห็นชอบ
อนึ่ง การเปลี่ยนแผลงนโยบายบัญชีดังกล่าว จะส่งผลให้สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯเพิ่มขึ้น โดยในส่วนสินทรัพย์ โดยส่วนของสินทรัพย์ถาวรที่ตีราคาเพิ่มจาก 936 ล้านบาท เป็น 9,590 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 8,654 ล้านบาท ในส่วนหนี้สิน ใช้วิธีราคาใหม่จะมีหนี้สินเพิ่มขึ้น 1,731 ล้านบาท และ ส่วนของผู้ถือหุ้น ตามวิธีราคาใหม่ เพิ่มขึ้น 6,923 ล้านบาทซึ่งเป็นส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์