สำหรับโรงงานผลิตแบบครบวงจรของ BP ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงงาน AlphaPet, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ IVL ที่ผลิต PET ซึ่งโรงงาน BP มีกำลังการผลิตโดยรวมประมาณ 1.8 ล้านตัน/ปี โดยมีกำลังการผลิตพาราไซลีน (PX) จำนวน 7.2 แสนตัน/ปี ,PTA จำนวน 1.02 ล้านตัน/ปีและ NDC (Naphthalene Dicarboxylate) ซึ่งเป็นเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่ใช้ในการผลิตโพลิเมอร์เฉพาะทางและฟิล์มสำหรับการใช้งาน เช่น หน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เป็นต้น
การเข้าซื้อทรัพย์สินดังกล่าว ทำให้ธุรกิจของ IVL ในแถบอเมริกาเหนือ มุ่งสู่การรวมธุรกิจในแนวดิ่งอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวทางเศรษฐกิจโดยการขยายกำลังการผลิต PET และยังเป็นการเพิ่มอัตรากำไรในธุรกิจ NDC ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตรายเดียวในระดับสากล
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม IVL กล่าวว่า กลุ่มบริษัทได้ดำเนินการตามแผนที่ได้ประกาศไว้ในงานประชุมนักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางการเงินซึ่งได้ย้ำเน้นอีกครั้งในการประชุมเพื่อทบทวนยุทธ์ศาสตร์เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาในเดือนก.ค.58 ที่จะบรรลุเป้าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margins) เป็นตัวเลขสองหลัก และ Core EBITDA เติบโตเป็นสองเท่าในปี 61 จากปี 57 ซึ่งมี EBITDA อยู่ที่ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะเดียวกัน บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าการเติบโตของกำไรสุทธิ/หุ้น ของธุรกิจหลัก(Core EPS) เป็น 4 เท่าภายในปี 61 จากปี 57 โดยการเข้าซื้อกิจการต่างๆจะเป็นตัวเร่งการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องในบริษัท เพื่อก่อให้เกิดการเติบโตและความข็งแกร่งในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ 3 ธุรกิจหลักได้แก่ ธุรกิจ PET, ธุรกิจต้นน้ำ (Feedstock) และธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ซึ่งจะยังผลให้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจมีการเชื่อมโยงและเกื้อหนุนซึ่งกันและกันเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นและลูกค้าของบริษัท
"ปี 2558 นับเป็นปีที่เป็นโอกาสพิเศษในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น การเข้าซื้อกิจการที่เกิดขึ้นทั้ง 8 แห่งจะช่วยสร้างให้ IVL เป็นผู้นำระดับโลกและช่วยให้เกิดความได้เปรียบด้านต้นทุน ทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งและครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของทุกธุรกิจที่สำคัญของเรา"นายโลเฮีย กล่าว
นายโลเฮีย กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการที่เกิดขึ้นนับเป็นการขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดด เพื่อสร้างการเติบโตของกำไรอย่างมั่นคง ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยมีเป้าหมายระยะสั้นในการสร้างมูลค่าอย่างมีนัยยะให้กับธุรกิจผ่านการลดต้นทุนการดำเนินงาน ในระยะกลาง และคาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากปัจจัยภายในมากกว่าแรงผลักดันจากภายนอก และในระยะยาวยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นและลูกค้า รวมทั้งสร้างโอกาสสำหรับพนักงาน เนื่องจากบริษัทจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านต้นทุนในทุกธุรกิจหลัก และมีการดำเนินงานในตลาดที่น่าสนใจ รวมถึงอยู่ในทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่มีทั้งปัจจัยประชากรในท้องถิ่นและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นตัวขับเคลื่อนปริมาณความต้องการ
สำหรับการเข้าซื้อกิจการทั้ง 8 แห่งก่อนหน้านี้ และรวมถึงการจะซื้อกิจการของ BP ในครั้งนี้ ประกอบด้วย บริษัท BP ในรัฐ Alabama ประเทสสหรัฐอเมริกาเพื่อการบริหารจัดการวัตถุดิบให้มีใช้อย่างพอเพียงและพึ่งตนองได้และสร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA ,บริษัท MicroPet ประเทศอินเดียเพื่อเข้าสู่ธุรกิจหลักในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีจำนวนประชากรมากที่สุด
บริษัท CEPSA ประเทศสเปน เพื่อการบริหารจัดการวัตถุดิบให้มีใช้อย่างพอเพียงและพึ่งตนเองได้ ขยายธุรกิจ PET ให้ครอบคลุมทวีปยุโรปมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเข้าสู่ธุรกิจ IPAเป็นครั้งแรกและผลักดันให้เกิดความแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA ,โรงงานเอทิลีนแครกเกอร์ ในรัฐ Louisianaประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อการบริหารจัดการวัตถุดิบให้มีใช้อย่างพอเพียงและพึ่งตนเองได้ และใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดาน ,บริษัท CEPSA ประเทศแคนาดา เพื่อการบริหารจัดการวัตถุดิบให้มีใช้อย่างพอเพียงและพึ่งตนเองได้ในทวีปอเมริกาเหนือ
บริษัท บางกอกโพลีเอสเตอร์ ประเทศไทย เพื่อให้เกิดการควบรวมธุรกิจ PETและเอื้อให้การจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจากการบริโภค PTA ภายใน ,บริษัท Performance Fiberในประเทศจีน ถือครองแบรนด์เส้นใยโพลีเอสเตอร์สำหรับยางในรถยนต์ที่มีชื่อเสียงยาวนานในตลาดที่มีตัวเลขการเติบโตของรถยนต์สูงสุด และเอื้อให้การจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจากการบริโภค PETภายใน,บริษัท Polyplex PETประเทศตุรกี ส่งผลให้เกิดการบูรณาการในธุรกิจ PETซึ่งเป็นธุรกิจหลักในตลาดเกิดใหม่และขยายการดำเนินงานให้ครอบคลุมทวีปยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกามากยิ่งขึ้น