สำหรับเหตุผลในการซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในอนาคต และเพื่อสื่อสารไปยังนักลงทุนว่าราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม
ส่วนการจำหน่ายและตัดหุ้นที่ซื้อคืน จะเป็นการขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะดำเนินการภายหลัง 6 เดือนนับจากวันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น แต่ต้องไม่เกิน 3 ปี
นายยู ยูน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี BJCHI กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งในการซื้อหุ้นคืนจะเป็นการเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) รวมถึงเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) และยังเป็นข้อบ่งชี้สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท เพราะบริษัทมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการสร้างรายได้และกำไรในอนาคต ซึ่งจะเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของนักลงทุนได้
"ที่ประชุมบอร์ดได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน วงเงินไม่เกิน 250 ล้านบาท หลังจากราคาหุ้นบนกระดานต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งบริษัท มีกระแสเงินสดเพียงที่จะซื้อหุ้นคืน โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 58 มีกำไรสะสมสูงถึง 2,394 ล้านบาท พื้นฐานธุรกิจมีความแข็งแกร่ง มีปริมาณงานในมือที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้กว่า 5,200 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานโครงการในต่างประเทศอีกจำนวนมาก จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้าไปซื้อหุ้นในช่วงนี้ เพราะมั่นใจในพื้นฐานของบริษัทฯที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต"นายยู ยูน กล่าว