ในส่วนของธนาคารกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญฯ จำนวน 24,000 ล้านบาท โดยเป็นการกันสำรองตามนโยบายการกันเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรายเดือน เดือนละ 700 ล้านบาท อีกทั้งธนาคารได้พิจารณากันสำรองพิเศษอีกจำนวน 15,600 ล้านบาท โดยเป็นการกันสำรองพิเศษในไตรมาส 2/58 จำนวน 3,600 ล้านบาท ,ไตรมาส 3/58 จำนวน 6,700 ล้านบาท และไตรมาส 4/58 อีกจำนวน 5,300 ล้านบาท ตามแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกหนี้เอสเอ็มอี รายย่อยและลูกค้าอุตสาหกรรมเหล็กรายใหญ่
ประกอบกับหลักเกณฑ์ความระมัดระวังที่จะรักษาระดับของอัตราส่วนเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยมีอัตราสว่นเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ เท่ากับ 112.52% ในปี 58
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงาน 65,689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.66% จากปี 57 ซึ่งรายได้หลักยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 3,710 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 2,723 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารต้นทุนอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวจากรายได้ของธุรกรรมเพื่อการค้ารวมทั้งปริวรรตเงินตราต่างประเทศ
ณ สิ้นปี 58 ธนาคารและบริษัทย่อยมีเงินให้สินเชื่อ 2,027,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.81% โดยเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อเอสเอ็มอี และรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนสูง มีเงินฝาก 2,135,499 ล้านบาท ลดลง 0.73% จากสิ้นปี 57 โดยลดลงจากเงินฝากประจำที่ครบกำหนด ทั้งนี้ธนาคารได้ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิตามเกณฑ์ Basel III สกุลเงินริงกิตมาเลเซียจำนวน 9,091 ล้านบาท
ขณะที่ธนาคารและบริษัทย่อยมี NPL ณ สิ้นปี 58 จำนวน 76,371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.84% อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio net) เท่ากับ 1.73% ทั้งนี้หากไม่รวมสินเชื่อด้อยคุณภาพจากอุตสาหกรรมเหล็กรายใหญ่ สินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับ 65,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.57% อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio net) เท่ากับ 1.59%
สำหรับเงินกองทุนชั้นที่ 1 มีจำนวน 225,092 ล้านบาท หรือ 11.43% และเงินกองทุนทั้งสิ้นเท่ากับ 299,621 ล้านบาท หรือ 15.22% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามเกณฑ์ความเสี่ยง ซึ่งคำนวณตามเกณฑ์ Basel III ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด