TOP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในปี 58 มีกำไรสุทธิ 1.22 หมื่นล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 4.14 พันล้านบาทในปี 57 โดยเป็นกำไรสุทธิในไตรมาส 4/58 ที่ 3.75 พันล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบจากขาดทุนสุทธิ 6.44 พันล้านบาทในงวดไตรมาส 4/57 และขาดทุนสุทธิ 2.29 พันล้านบาทในงวดไตรมาส 3/58
บริษัทชี้แจงว่า ผลการดำเนินงานในปี 58 เทียบกับปี 57 มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น 8% เนื่องจากในช่วงกลางเดือน มิ.ย.ถึงปลายเดือน ก.ค.57 ได้หยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 (CDU-3) หน่วยเพิ่มออกเทนด้วยสารเร่งปฏิกริยาหน่วยที่ 1 (CCR-1) และหน่วยย่อยอื่นๆ รวมถึงหน่วยผลิตสารอะโรเมติกส์ ขณะที่ในปี 58 มีรายได้จากการขาย 2.94 แสนล้านบาท ลดลง 9.65 หมื่นล้านบาท จากระดับราคาน้ำมันและราคาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทมี GIM ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน 9.1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากปี 57 เนื่องจากต้นทุนพลังงานลดลงตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน และส่วนต่างราคายางมะตอยที่แข็งแกร่งมากในปี 58 อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมามีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 6.95 พันล้านบาท แต่ก็ลดลงจากกว่า 1.4 หมื่นล้านบาทในปี 57
และในปี 58 มีการกลับรายการปรับลดมูลค่าทางบัญชีสินนค้าคงเหลือให้เท่ามูลค่าสุทธิที่จะได้รับ 1.34 พันล้านบาท ทำให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 2.28 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 2.55 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปี 58 บริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 2.75 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายการขาดทุนทางบัญชีที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง โดยเป็นผลจากการแปลงค่าของหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐของบริษัท