ทั้งนี้ กลุ่มทรูจะเดินหน้ารักษาความเป็นผู้นำโทรคมนาคมด้านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงทั้งแบบมีสาย และไร้สาย รวมถึงบริการเพย์ทีวี โดยจะมุ่งมั่นสร้างโครงข่ายที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง ส่งมอบการให้บริการที่ดีเยี่ยมในทุกธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มประสบการณ์การรับชมโทรทัศน์แก่สมาชิกให้ดียิ่งขึ้น โดยโครงข่าย 4G และ 2G ของทรูมูฟ เอช จะครอบคลุม 98% ของประชากรไทยในเดือนพ.ค. เพิ่มเติมจากเครือข่าย 3G ของกลุ่มซึ่งมีความครอบคลุมแล้วทั่วประเทศ ขณะที่กว่าครึ่งของครัวเรือนทั้งหมดในไทยจะสามารถเข้าถึงบริการไฟเบอร์บรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ ภายในสิ้นปี 59
นอกจากนี้ ทรูวิชั่นส์ จะปรับโฉมและเพิ่มประสบการณ์การรับชมโทรทัศน์ของสมาชิก ด้วยคอนเทนต์คุณภาพหลากหลายที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและการเลือกรับชมช่องรายการโปรดได้ง่ายยิ่งขึ้น
ขณะที่แผนการเพิ่มทุนจำนวน 6 หมื่นล้านบาทของบริษัท จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของกลุ่ม และคงอันดับเครดิตองค์กรที่เป็นระดับการลงทุน หรือ Investment Grade ตามนโยบายการรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA (Net Debt-to-EBITDA ratio) ของกลุ่มให้ต่ำกว่า 2 เท่า นอกจากนี้ กลุ่มทรู จะมุ่งมั่นรักษาวินัยทางการเงิน และเพิ่ม productivity ทั่วทั้งองค์กร เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผลประกอบการทางการเงินของกลุ่มต่อไป
สำหรับในปี 58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.41 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 1.29 พันล้านบาทในปีก่อนหน้า นับเป็นผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นอย่ามาก โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 58% จากปีก่อนหน้า พร้อมดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงอย่างมาก และการสิ้นสุดการตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์โครงข่าย 2G ขณะที่มีรายได้จากการให้บริการโดยรวมเพิ่มขึ้น 10.8% มาที่ 7.48 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของกลุ่มในการเติบโตด้วยอัตราเลขตัวเดียวในระดับสูง