น.ส.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSE กล่าวว่า ในปี 29 บริษัทฯ ยังคงรุกขยายกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่ยังมีโอกาสขยายการลงทุนได้อีกมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาพันธมิตรธุรกิจในท้องถิ่นอยู่อีก 2-3 โครงการ เพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 40-50 MW ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในกลางปีนี้
ส่วนการลงทุนและเข้าทำสัญญาการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากับกลุ่ม Prospec Holdings Inc. เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม ด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 17.5 MW ที่เมือง Hanamizuki , Ishikawa คาดว่าจะใช้เงินลงทุนพัฒนาโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาสแรกปีนี้และจะแล้วเสร็จภายในปี 60 ทำให้ในปัจจุบัน TSE มีโครงการในญี่ปุ่นทั้งหมดประมาณ 42 MW
“เราพร้อมที่จะรุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชีย ทั้งรูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าจากพลังงานประเภทอื่นๆ โดยร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาโครงการเพื่อผลักดันให้ TSE ก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจพลังงานในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและประเทศสมาชิก AEC ซึ่งเราตั้งเป้าว่าจะลงทุนพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ 100 MW ภายในปี 59 และภายใน 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 300 MW"น.ส.แคทลีน กล่าว
ด้านนายธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TSE กล่าวถึงผลประกอบการปี 58 ว่า บริษัทฯ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีรายได้จาก Solar farm ติดตั้งบนพื้นดิน 80 MW ที่ร่วมลงทุนกับกลุ่ม ปตท. อีกกว่า 1,500 ล้านบาท (TSE มีสัดส่วนร้อยละ 60 ของโครงการ) ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 526.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 381.3 ล้านบาท (หากไม่นับรายการพิเศษ)
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นนั้น มาจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทฯ ที่สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยระบบโฟโต้โวลตาอิกหรือโซล่าร์เซลล์ (โรงไฟฟ้า PV) ในรูปแบบโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วไปซึ่งติดตั้งบริเวณพื้นดิน หรือ Solar Farm จำนวน 10 โครงการ รวม 80 MW ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าการรับประกันผลงานอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์ (Commercial Rooftop) จำนวน 14 MW สามารถรับรู้รายได้เต็มปี
“ปี 58 ถือเป็นปีที่ดีของ TSE ในด้านศักยภาพการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของรายได้และกำไรจากการจำหน่ายไฟฟ้าของโครงการปัจจุบันที่มีทั้งสิ้น 98.5 MW ซึ่งไม่นับรวมโครงการในอนาคต ที่จะเข้ามาช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านผลการดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างมั่นคงต่อไป"นายธีร์ กล่าว