GL ปรับโครงสร้างองค์รับมือขยายธุรกิจตปท.,คาดเปิดธุรกิจในอินโดฯ H1/59

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 24, 2016 13:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรรองรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดเตรียมเปิดดำเนินการในอินโดนีเซีย ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ และจะขยายกิจการไปในทุกประเทศในกลุ่มเอเซียนต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 22 มี.ค. อนุมัติให้เพิ่มทุนบริษัท Group Lease Holdings PTE.Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศสิงคโปร์ เป็นจำนวนเงิน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 280 ล้านบาท พร้อมทั้งจัดสรรเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่บริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซียภายใต้ชื่อ PT GL Finance Indonesia (GLFI) เพื่อเตรียมความพร้อมในการเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศนั้น โดย GLFI มี GL ถือหุ้น 65% ส่วนที่เหลือถือโดยธนาคาร J Trust Bank ซึ่งเป็นพันธมิตรของ GL 20% และกลุ่มทุนท้องถิ่นอีก 15%

นอกจากนี้คณะกรรมการ ยังเห็นว่าเพื่อความเหมาะสมกับการขยายธุรกิจต่างประเทศ จึงให้มีการปรับโครงสร้างของผังองค์กร เนื่องจากบริษัทได้ขยายธุรกิจและดำเนินกิจการในระดับนานาชาติ ที่สิงคโปร์ กัมพูชา และลาว ใน 4 ปีนี้ และกำลังจะเริ่มดำเนินกิจการที่อินโดนีเซีย ในครึ่งแรกปีนี้ และจะขยายกิจการไปในทุกประเทศในกลุ่มเอเซียนต่อไป

ปัจจุบัน GL ไม่ใช่บริษัทเงินทุนสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังคงเป็นผู้ให้บริการธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ทั่วภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย ตัวบริษัทก็ควรจะมีการแยก"ฟังก์ชันทางด้านโฮลดิ้ง" และ"ฟังก์ชันทางด้านการเงินของประเทศไทย" ออกจากกัน และจะให้ความสำคัญมากขึ้นกับ"ฟังก์ชันทางด้านโฮลดิ้ง" เช่น การควบคุมทางด้านการเงินของทั้งกลุ่มในประเทศ การสรรหาผู้บริหาร การร่วมมือประสานกับงานบัญชีข้ามแดนของกลุ่มบริษัท และอื่นๆ ดังนั้น จึงมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเพื่อวัตถุประสงค์ คือเพิ่มความรวดเร็ว ควบคุมและขยายการดำเนินงานของธุรกิจให้เร็วยิ่งขึ้นด้วย

โดยการปรับโครงสร้างการบริหาร จะจัดแบ่งสำนักงานบริหารจัดการเป็น 2 สำนักงาน ประกอบด้วย สำนักงานด้านการพัฒนาธุรกิจของกลุ่มซึ่งดูแลบริษัทในเครือทั้งหมด 6 แห่ง ประกอบด้วย บมจ.กรุ๊ปลีส ( หรือบริษัทแม่ในประเทศไทยและบริษัทลูกอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนบรรณ, GLF (กัมพูชา), GLL (สปป.ลาว) และ GL Holdings (สิงคโปร์) รวมถึงบริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซีย (GLFI) ขณะที่อีกสำนักงานหนึ่งจะดูแลฝ่ายสนับสนุนธุรกิจของกลุ่ม ประกอบด้วย ฝ่ายไอที บัญชีและการเงิน

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติให้จัดตั้งคณะกรรมการบริหาร (Executive Board) เพื่อรับผิดชอบโดยตรงในงานบริหารจัดการด้านปฏิบัติการและประสานงานระหว่างบริษัทในเครือทั้งหมด โดยที่บอร์ดใหญ่ยังคงรับผิดชอบกำกับดูแลในระดับนโยบาย

"กลุ่มของเราได้ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ขนาดและเครือข่ายธุรกิจขยายตัวใหญ่โตมาก ส่งผลให้โครงสร้างการบริหารในอดีตไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไปและที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือเราได้ปรับโมเดลจากธุรกิจเช่าซื้อมาเป็นดิจิตอลไฟแนนซ์ โดยให้บริการอย่างครบวงจรบน Platform ดิจิตอลไฟแนนซ์เพื่อรุกขยายธุรกิจในตลาดอาเซียนอย่างเต็มที่ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่เพื่อรองรับการขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ"นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ GL กล่าว

นายทัตซึยะ กล่าวอีกว่า การรุกสู่ตลาดอินโดนีเซียนับเป็นก้าวย่างที่สำคัญ หลังจากกลุ่ม GL ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งจากการขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถสร้างกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 582.89 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนถึง 400%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ