ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญของบมจ.ชีวาทัย ใช้ชื่อย่อ CHEWA เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน mai ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยรับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและกำหนดวันเริ่มซื้อขายในวันพรุ่งนี้ (5 เม.ย.) ในตลาด mai มีจำนวนหุ้นจดทะเบียน และหุ้นชำระแล้ว 750,000,000 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 750,000,000 บาท โดยเป็นจำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 262,000,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.60 บาท
สำหรับ CHEWA และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมและธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้CHEWA ปรับพอร์ตรุกที่อยู่อาศัยแนวราบ สร้างความสม่ำเสมอให้กับรายได้
นายชาติชาย พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บมจ.ชีวาทัย (CHEWA) เปิดเผยว่า บริษัทฯพร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก 5 เมษายนนี้ โดยมั่นใจว่าหุ้น CHEWA จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนแน่นอน
ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเพื่อที่อยู่อาศัยในรูปแบบโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเน้นทำเลในแหล่งชุมชนที่มีศักยภาพและคมนาคมสะดวก ทั้งถนนสายหลักหรือใกล้แนวขนส่งมวลชนระบบรางพร้อมมองโอกาสลงทุนในหัวเมืองต่างจังหวัดหรือแหล่งท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสำคัญ โดยเฉพาะในเขตอีสเทิร์น ซีบอร์ดและพื้นที่ที่มีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์จากเขตส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
ขณะเดียวกันยังมี TEE Development Pte Ltd ในเครือ TEE Land Ltd ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ที่มีความเชี่ยวชาญการก่อสร้างและการทำตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นพันธมิตรธุรกิจช่วยเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อช่วยให้ CHEWA ก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระดับอาเซียน
"เรามีความเชื่อมั่นพื้นฐานและศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจจากสิงคโปร์ ที่เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่การดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีแผนงานจะขยายพอร์ตสินค้าไปสู่โครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ซึ่งจะเกื้อหนุนให้มีการรับรู้รายได้ที่สม่ำเสมอขึ้น"นายชาติชายกล่าว
ด้านนายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชีวาทัย กล่าวว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 บริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าที่พัฒนาแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างพัฒนา 8 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 6,870 ล้านบาท อาทิ โครงการชีวาทัย ราชปรารภ จำนวน 325 ยูนิต มียอดขาย 99% ฮอลล์มาร์ค งามวงศ์วาน จำนวน 792 ยูนิต มียอดขาย 53% ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ ติดสถานีรถไฟฟ้า MRT เตาปูน จำนวน 279 ยูนิต มียอดขาย 82% ฯลฯ
และมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างพัฒนาอีก 1 โครงการคือ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางโพ 100 เมตร จำนวน 172 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 120,000 บาทต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการ 1,040 ล้านบาท มียอดขาย 20% นอกจากนี้ยังมีโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าจำนวน 10 ยูนิต บนที่ดิน 26 ไร่เศษ ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง มีพื้นที่ให้เช่ารวม 17,120 ตารางเมตร มูลค่า 300 ล้านบาท มีผู้เช่าแล้ว 40%
นอกจากนี้ CHEWA ยังเตรียมขยายไลน์สินค้าไปสู่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยจะเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มีมูลค่ารวม 2,322 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ ‘ชีวารมย์ เรสซิเดนซ์’ เป็นบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด จำนวน 81 ยูนิต บนที่ดินกว่า 15 ไร่ ในซอยรังสิต-นครนายก 7 ช่วงรังสิต คลอง 1 ราคาขายเฉลี่ย 5.15 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการ 488 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างไตรมาส 2/59
โครงการคอนโดมิเนียม ‘ชีวาทัย เพชรเกษม 27’ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ เบื้องต้นเป็นอาคารสูงไม่เกิน 31 ชั้น จำนวน 560 ยูนิต บนที่ดิน 4 ไร่เศษ ราคาขายเฉลี่ย 75,000 หมื่นบาทต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการ 1,659 ล้านบาท โดยอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีบางหว้า 480 เมตร คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ นอกจากนี้เตรียมพัฒนาโครงการโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า (โครงการ 2) จำนวน 4 ยูนิต บนที่ดินกว่า 13 ไร่ ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง มีพื้นที่ให้เช่ารวม 9,100 ตารางเมตร มูลค่า 175 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 3/59
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า CHEWA มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีนโยบายกระจายพอร์ตการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปยังโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ พร้อมทั้งมีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกทำเลและการพัฒนาสินค้าที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2558 ก็มีความโดดเด่น โดยมีรายได้รวม 1,429.94 ล้านบาท พุ่งขึ้น 217.8% จากปี 2557 ที่มีรายได้รวม 449.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 83.22 ล้านบาท พุ่งขึ้น 92.59% จากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 43.21 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายและโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมียอดขายคอนโดมิเนียมที่รอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ณ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 321 ยูนิต มูลค่ารวม 949 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2559-2560