ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ ของบมจ.เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ (ASN) ใช้ชื่อย่อว่า ASN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยรับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และเริ่มทำการซื้อขายในวันที่ 12 พ.ค.59 มีจำนวนหุ้นจดทะเบียน 130,000,000 หุ้น จำนวนหุ้นชำระแล้ว 130,000,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 65,000,000 บาท โดยมีหุ้นเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 30,000,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 6 บาท
ASN เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยซึ่งมุ่งเน้นการขายประกันภัยรถยนต์เป็นหลัก และได้ถือหุ้น 99.99% ในบริษัท เอเอสเอ็น ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าประกันชีวิต
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าวว่า ASN นับเป็นบริษัทแรกที่ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดย ณ สิ้นปี 58 บริษัทและบริษัทย่อยมีพนักงานขายประกันซึ่งได้รับใบอนุญาตจำนวน 148 คน และ 30 คน ตามลำดับ บริษัทมีคู่ค้าเป็นบริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำจำนวน 16 ราย และประกันชีวิตชั้นนำจำนวน 2 ราย
ASN สามารถระดมทุนจากการเสนอขาย IPO ได้จำนวน 180,000,000 บาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 780,000,000 บาท โดยมีบริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายธวัชชัย เลิศรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ASN เปิดเผยว่า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบฐานข้อมูล และระบบ e-commerce เพิ่มช่องทางในการจำหน่าย และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงลงทุนในการขยายจำนวน Seat ของพนักงานขายประกันทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นช่องทางการขายหลักให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในอนาคต สำหรับเงินระดมทุนส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตและเพิ่มศักยภาพการขยายธุรกิจในอนาคต
ASN มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวเลิศรุ่งเรือง ถือหุ้น 61.53% นางสาววรรณชนก วารุณประภา ถือหุ้น 15.39% และกลุ่มครอบครัวอนุรักษ์วงศ์ศรี ถือหุ้น 3.04% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 31.68 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ไตรมาส 1- 4 ปี 58) ซึ่งเท่ากับ 24.62 ล้านบาทหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.19 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะของบริษัท และหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่น ๆ ตามที่บริษัทกำหนด