บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัทเมื่อวันที่ 19 พ.ค. อนุมัติให้บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอสซี) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จัดซื้อรถไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 46 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้างอื่น ๆ ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงระบบอาณัติสัญญาณและวิทยุสื่อสารของขบวนรถไฟฟ้า และอุปกรณ์ประกอบอื่นใดที่จำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพของบีทีเอสซี (ธุรกรรมการได้มาซึ่งรถไฟฟ้า) รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 270 ล้านยูโร (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือเทียบเท่าสกุลเงินบาทจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 10,918.13 ล้านบาท
โดยเป็นการซื้อจากผู้จำหน่าย 2 ราย ได้แก่ Consortium กลุ่มบริษัท ซีเมนส์ (ซีเมนส์) จำนวน 22 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ และบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ชางชุน เรลเวย์ วีฮีเคิล จำกัด (ซีอาร์อาร์ซี) จำนวน 24 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ โดยคาดว่าบีทีเอสซีจะลงนามในสัญญาจัดซื้อรถไฟฟ้าในวันนี้ (23 พ.ค.59)
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพส่วนต่อขยายสายสีลม และสายสุขุมวิท (ซึ่งจะรวมถึงโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายหลัก เมื่อสัญญาสัมปทานระยะเวลา 30 ปีสิ้นสุดลง) ที่บีทีเอสซีเป็นผู้ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ตามสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ ฉบับลงวันที่ 3 พ.ค.55
รวมถึงเพื่อรองรับการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ ส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงหมอชิด-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ (โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ-ใต้) ที่บีทีเอสซีคาดว่าจะได้รับการว่าจ้างในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากปัจจุบันบีทีเอสซี และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด อยู่ระหว่างการเจรจาและตกลงรายละเอียดในสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ-ใต้ ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาดังกล่าวภายในไตรมาส 3/59
สำหรับแหล่งเงินลงทุนในการซื้อรถไฟฟ้าครั้งนี้ จะประกอบด้วยเงินทุนหมุนเวียนของบีทีเอสซี สินเชื่อจากสถาบันการเงิน หรือการออกและเสนอขายตราสารหนี้ เช่น หุ้นกู้
เมื่อขบวนรถไฟฟ้าใหม่ส่งมอบครบหมดแล้วจะทำให้บริษัทฯ มีขบวนรถไฟฟ้าให้บริการทั้งสิ้น 98 ขบวน รวม 392 ตู้ และจะให้บริการในเส้นทางสายสีลมจากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติถึงสถานีบางหว้า ระยะทางรวม 14 กม. และสายสุขุมวิทจากสถานีคูคตถึงสถานีสมุทรปราการ ระยะทางรวม 55 กม. ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารในเส้นทางที่ให้บริการดังกล่าวได้อีกไม่น้อยกว่า 10 ปี จากนี้ไป