บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) แจ้งว่าเมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) บริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (RAC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมที่ RATCH ถือหุ้นอยู่ 80% นั้น ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้น Mount Emerald Wind Farm Pty ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mount Emerald ในออสเตรเลีย กำลังการผลิตติดตั้ง 180 เมกะวัตต์ (MW) โดยจะเป็นการซื้อหุ้น 50% จาก Port Bajool Pty Ltd. ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนในโครการดังกล่าว คิดเป็นมูลค่า 10 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 260 ล้านบาท
สำหรับการชำระเงินจะแบ่งเป็น 2 งวด โดยงวดแรก จะชำระสัดส่วน 25% ภายใน 10 วันทำการหลังจากลงนามสัญญาซื้อขายหุ้น และงวดที่ 2 จะชำระสัดส่วน 75% ภายใน 160 วันหลังจากลงนามสัญญาซื้อขายหุ้น ซึ่งภายหลังการซื้อขายแล้วเสร็จ RAC จะถือหุ้นเพิ่มใน Mount Emerald Wind Farm Pty ในสัดส่วน 100% จากเดิมที่ถืออยู่ 50% นายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ RATCH กล่าวว่า การที่ RAC เข้าถือหุ้นเพิ่มในบริษัท Mount Emerald Wind Farm Pty เป็น 100% นั้นจะส่งผลให้สามารถได้รับรายได้และกำไรจากโครงการเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้กำลังผลิตของ RAC เพิ่มขึ้นเป็น 654 เมกะวัตต์
“RAC ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการพลังงานลม Mount Emerald ก้าวหน้ามาเป็นลำดับ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ได้รับความเห็นชอบการพัฒนาโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นในเดือนพฤษภาคม 2559 ก็ได้ ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ ERGON Energy ซึ่งจะรับซื้อไฟฟ้า รวมทั้ง Green Energy Certificates ของโครงการเป็นระยะเวลา 13 ปี จนถึงปี 2573 การลงทุนซื้อหุ้นทั้งหมดในโครงการนี้ ไม่เพียงส่งผลดีต่อสถานะการเงินของ RAC ให้มั่นคงมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการขยายฐานธุรกิจด้านพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นเป้าหมายการลงทุนของบริษัทในออสเตรเลียด้วย"นายรัมย์ กล่าว
นายรัมย์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตตามการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมของ RAC จำนวน 4 แห่ง รวม 198 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะพัฒนาโครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์อีก 2 โครงการ กำลังผลิตรวมประมาณ 232 เมกะวัตต์
สำหรับโครงการพลังงานลม Mount Emerald มูลค่าโครงการ 380 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 9,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2,400 เฮกเตอร์ ทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย โดยจะติดตั้งกังหันลมขนาด 3.45 เมกะวัตต์ จำนวน 53 ต้น โครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2561 จากการลงทุนดังกล่าวทำให้กำลังการผลิตของบริษัทรวม เพิ่มขึ้นเป็น 6,957 เมกะวัตต์