บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส เพิ่มเป้ารายได้จากการให้บริการในปีนี้เป็นเติบโตเล็กน้อย จากประมาณการเมื่อต้นปีว่ารายได้จะคงที่จากปีที่แล้ว และคาดว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จะดีขึ้นเล็กน้อยอยู่ในช่วง 38-39% จากประมาณการเดิมที่ 37-38% หลังได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz ทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้าและรายได้ 2G ได้ รวมถึงยังเป็นผลจากแคมเปญอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์มือถือที่บริษัทได้ดำเนินการไปในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ด้วย
ขณะที่การได้คลื่น 900 MHz ยังช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวได้ จากการที่มีคลื่นความถี่ต่ำและคลื่นความถี่สูง โดยในระยะสั้น คลื่น 900 MHz จะถูกแบ่งใช้ในการให้บริการ 2G แก่ลูกค้าที่เหลืออีก 5.7 ล้านราย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่กระจายตัวในต่างจังหวัด โดยใช้เครือข่ายที่เช่าจากบมจ.ทีโอที ส่วนในพื้นที่สำคัญอื่น ๆ ที่ปริมาณความต้องการใช้งานบริการ 3G และ 4G ยังคงขยายตัว คลื่น 900 MHz จะช่วยเพิ่มทั้งด้านความครอบคลุมและความจุของโครงข่าย ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเอไอเอสในการให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ และการรักษาความเป็นผู้นำในตลาดทำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ตั้งแต่ต้นปีเอไอเอส ได้ทำแคมเปญแจกมือถือ เพื่อเปลี่ยนมือถือลูกค้าจาก 2G ให้เป็น 3G/4G จนถึงปัจจุบัน ได้แจกเครื่องมือถือไปแล้วทั้งสิ้นประมาณ 4.5 ล้านเครื่อง โดยใช้งบประมาณรวม 5 พันล้านบาท ทำให้บริษัทสามารถให้บริการ 2G ได้ต่อเนื่อง หลังจากที่ชนะประมูลคลื่น 900 MHz มา บริษัทจึงชะลอการแจกมือถือในการเร่งย้ายลูกค้าในปีนี้ออกไป เนื่องจากบริษัทมีระยะเวลาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามจากการแข่งขันที่ยังคงรุนแรง โดยเฉพาะในด้านการทำแคมเปญลดราคาค่าเครื่องมือถือ บริษัทจึงยังคงใช้งบการตลาดในการรักษาฐานลูกค้าและส่วนแบ่งการตลาด อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้จากการขายเครื่องมือถือจะลดลง และมีอัตรากำไรติดลบจากการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง
ขณะที่คาดว่าจะใช้กระแสเงินสดในการลงทุนในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และคาดว่าค่าเสื่อมราคาของโครงข่ายจะลดลง 25% จากการตัดค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ 2G ครบเมื่อสิ้นสุดสัญญาร่วมการงานเมื่อเดือนก.ย.58 ชดเชยกับการลงทุนในโครงข่าย 3G/4G ที่เพิ่มขึ้น ส่วนดอกเบี้ยคงค้างจากใบอนุญาต 1800 MHz และ 900 MHz มีต้นทุนประมาณ 1.2 พันล้านบาทในปีนี้
เอไอเอส ระบุอีกว่า การให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของเอไอเอส ยังคงอยู่ในช่วงการขยายความครอบคลุมของโครงข่ายใยแก้วนำแสง ด้วยงบลงทุน 7 พันล้านบาทในปีนี้ จะสามารถทำให้บริษัทมีโครงข่ายใยแก้วนำแสงพร้อมให้บริการเต็มพื้นที่ตัวเมืองใน 24 จังหวัดและครอบคลุมทั้งสิ้น 6.5 ล้านครัวเรือน โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/59 เอไอเอสไฟเบอร์ พร้อมให้บริการแล้วกว่า 2.6 ล้านครัวเรือนใน 15 จังหวัด โดยตั้งเป้าหมายในการได้ส่วนแบ่งการตลาดอย่างมีนัยสำคัญในอีก 3 ปีข้างหน้า จากการมีเงินลงทุนอย่างเหมาะสมและทีมงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทยังคงสัดส่วนการจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไรสุทธิในปี 59 มีการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง โดยสัดส่วนการจ่ายเงินปันผลขึ้นอยู่กับกำไรสุทธิบนงบการเงินรวม และกำไรสะสมบนงบการเงินเดี่ยว เอไอเอสยังคงมุ่งเน้นที่โครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสม โดยที่ยังมีความพร้อมด้านการเงินเพื่อการขยายธุรกิจต่อไป