บมจ.แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น (MAX) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันศุกร์ (5 ส.ค.) อนุมัติการลงลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ระบบ Cogeneration ในกำลังการผลิตสูงสุดรวมประมาณ 120 เมกะวัตต์ (MW) และไอน้ำกำลังการผลิตสูงสุดรวมประมาณ 30 ตัน/ชั่วโมง ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพมหานครเป็นจำนวนหุ้นทั้งสิ้นไม่เกิน 3,190,600 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาทคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 21.5% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 142.333 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 454.13 ล้านบาท
พร้อมทั้งอนุมัติการแต่งตั้ง บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด (Optasia) ให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทต่อผู้ถือหุ้นตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป
ทั้งนี้ บริษัทจะซื้อหุ้น PPTC ดังกล่าวจากบริษัท ปรีดา ปราโมทย์ จำกัด เนื่องจากเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ PPTC ระบุข้อจำกัดในการโอนหุ้นหรือซื้อขายหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมไว้ ทำให้การเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 21.5% จะต้องขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าหนี้ของ PPTC ในการพิจารณาอนุมัติยินยอมที่จะให้เข้าซื้อหุ้น อีกทั้ง เงื่อนไขสัญญาเงินกู้ของ PPTC ระบุให้ผู้ขายจะต้องดำรงสัดส่วนถือหุ้นอยู่ในบริษัทไว้อีกด้วย ทำให้บริษัทเข้าลงทุนได้ในสัดส่วนไม่เกิน 21.5%
สำหรับแหล่งเงินลงทุนในการซื้อหุ้นดังกล่าว บริษัทจะใช้เงินจากการเพิ่มทุนที่คงเหลืออยู่ จำนวนเงิน 839 ล้านบาท และคาดว่าจะได้จากการระดมทุนเพิ่มจากเสนอขายหุ้นให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) และหากไม่เพียงพอก็จะระดมทุนเพิ่มจากใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิ (TSR) ซึ่งการใช้เงินทุนดังกล่าวลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าตามแผนและวัตถุประสงค์ที่ได้เปิดเผยในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2559
ปัจจุบัน PPTC ได้เริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้วตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.59 ทำให้คาดว่าการเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมและสร้างความเติบโตของรายได้ที่มั่นคงให้แก่บริษัทในอนาคตซึ่งจะก่อให้เกิดผลกำไรและกระแสเงินสดกลับมายังบริษัทในระยะเวลาอันรวดเร็ว และในท้ายที่สุดจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว