MAKRO แจง Q2/59 ยอดขายโต 13% แต่กำไรลดตามมาร์จินหดหลังปรับราคาขาย-แข่งขันสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 9, 2016 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-สายงานบริหารการเงินและหน่วยงานสนับสนุน บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) แจ้งว่า ในไตรมาส 2/59 บริษัทมียอดขายรวมจำนวน 42,247 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 4,923 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.2% สาเหตุหลักมาจากยอดขายจากสาขาใหม่ที่ทยอยเปิดอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 58 และช่วงต้นปี 59 ในขณะที่ยอดขายจากสาขาเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อนก็ยังคงมี การเติบโตขึ้นเช่นกัน

ไตรมาสนี้บริษัทเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขา เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าแม็คโคร คือ สาขาวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และสาขาหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส บริษัทฯ มีจำนวนสาขาทั่วประเทศทั้งสิ้น 104 สาขา ประกอบด้วย ศูนย์จำหน่ายสินค้าแม็คโคร จำนวน 73 สาขา แม็คโคร ฟูดเซอร์วิส จำนวน 14 สาขา อีโคพลัส จำนวน 9 สาขา แม็คโคร ฟูดช้อป จำนวน 1 สาขา และร้านสยามโฟรเซ่น จำนวน 7 สาขา ด้วยพื้นที่ขายรวม 661,669 ตารางเมตร

อนึ่ง เมื่อรวมรายได้ค่าบริการจำนวน 656 ล้านบาท และรายได้อื่นจำนวน 169 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 43,072 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 4,982 ล้านบาท หรือเพิมขึ้นคิดเป็น 13.1%

ในไตรมาส 2/59 บริษัทฯ มีกำไรก่อนต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จำนวน 1,476 ล้านบาท ลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเนื่องจากการปรับราคาขายสินค้าเพื่อรองรับการบริโภคที่ชลอตัวและการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการกลับรายการรายได้ที่ปันส่วนไปเป็นต้นทุนของสินค้าคงเหลือที่มีจำนวนน้อยกว่าในงวดปีก่อน

ทั้งนี้ เมื่อหักต้นทุนทางการเงินจำนวน 65 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วคิดเป็น 14.7% จากการกู้ยืมเงินที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อใช้ในธุรกิจของบริษัทฯ และหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 279 ล้านบาท ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 1,132 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 0.24 บาทต่อหุ้น ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 3.1%

อนึ่ง สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 59 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 85,651 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 5,966 ล้านบาท และเมื่อหักต้นทุนทางการเงินจำนวน 126 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 613 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 2,387 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 0.50 บาทต่อหุ้น ลดลง 11.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ