(เพิ่มเติม) SAPPE เข้าถือหุ้น 40% ใน"โคโคนัท แฟคทอรี่" ภายใต้แบรนด์"ALL COCO" เล็งเพิ่มเป็น 60% ในปี 63-เจรจา M&A เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 16, 2016 13:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ อนุมัติให้บริษัท เซ็ปเป้ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย ) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นบริษัท โคโคนัท แฟคทอรี่ จำกัด (CCF) ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปจากมะพร้าว จำนวน 40% คิดเป็นมูลค่า 140 ล้านบาท โดยจะได้ลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นในวันนี้ (16 ส.ค.) และจะทำการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนต.ค.59

ทั้งนี้ การเข้าซื้อจะแบ่งเป็นการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 6.72 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 208.33333333 บาท และการซื้อหุ้นเดิมของ CCF จำนวน 1 หุ้น จากผู้ถือหุ้นเดิมของ CCF ในราคา 208.33333333 บาท/หุ้น เพื่อให้เซ็ปเป้ โฮลดิ้ง มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CCF ตามกฎหมาย

นอกจากนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ CCF ตกลงให้เซ็ปเป้ โฮลดิ้ง มีสิทธิซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ CCF ในจำนวนรวมไม่เกิน 11% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลัง 2 ปีจากวันที่ทำการซื้อขายหุ้นเพิ่มทุนเสร็จสมบูรณ์ และมีสิทธิซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มเติมอีกรวมไม่เกิน 9% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลัง 4 ปีนับจากวันที่ทำการซื้อขายหุ้นเพิ่มทุนเสร็จสมบูรณ์ โดยราคาซื้อขายหุ้นตามสิทธิการซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะเท่ากับราคาประเมินของหุ้น CCF ซึ่งประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินที่กลุ่มผู้ถือหุ้นของ CCF และ เซ็ปเป้ โฮลดิ้ง ร่วมกันแต่งตั้ง

CCF ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัท ออล โคโค จำกัด และบริษัท เค เบสท์ ฟาร์ม จำกัด และประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่ม แปรรูปจากมะพร้าว ภายใต้ยี่ห้อสินค้า ALL COCO ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลายชนิด เช่น น้ำมะพร้าวบรรจุขวด ,ไอศรีมมะพร้าว และพุดดิ้งมะพร้าวน้ำหอม

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติเพิ่มทุนในบริษัท เซ็ปเป้ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย ) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยบริษัทย่อยดังกล่าวจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 15.7 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นจำนวน 157 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทย่อยในฮ่องกง และจีน รวมถึงเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CCF ด้วย

น.ส.ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมเซ็นสัญญาเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 40% ในบริษัท ออล โคโค จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมะพร้าวน้ำหอมและผลิตภัณฑ์ขนมจากน้ำมะพร้าวน้ำหอม ในวันที่ 1 ต.ค.59 ภายใต้งบลงทุน 140 ล้านบาท โดยจะมาจากเงินทุนหมุนเหวียนของบริษัท และหลังจากนั้นจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 51% ภายในปี 61 และเพิ่มเป็น 60% ในปี 63

ทั้งนี้การเข้าลงทุนในกลุ่มบริษัท ALL COCO เพื่อรองรับแผนดำเนินงานที่ต้องการรุกขยายพอร์ตสินค้าและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง จากบริษัทฯมองเห็นศักยภาพการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลก โดยหลังจากเข้าร่วมทุน จะมีการออกสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นปี ซึ่งผลิตภัณฑ์แรกน่าจะเป็นน้ำมะพร้าวบรรจุขวด รวมถึงตั้งเป้าหมายยอดขาย 500 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิราว 8% ภายในปี 64 จากปี 58 มียอดขายอยู่กว่า 100 ล้านบาท

บริษัท ออล โคโค จำกัด มีความพร้อมด้านวัตถุดิบและกำลังการผลิต โดยดำเนินการผ่านเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรมาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี มีพื้นที่เพาะปลูกรวมกันกว่า 6,000 ไร่ รวมผลผลิตประมาณ 100,000 ลูกต่อวัน เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับไลน์การผลิตใหม่ที่พร้อมเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจมะพร้าวน้ำหอมครบวงจร ซึ่งประกอบกด้วย บริษัท เค เบสท์ ฟาร์ม จำกัด ,บริษัท เค-เฟรช จำกัด ,บริษัท โคโคนัท แฟคทอรี่ จำกัด ,บริษัท ออล โคโค จำกัด

อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะสามารถบันทึกรายได้จากการลงทุนดังกล่าวเข้ามาได้ภายหลังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 51% ในปี 61

นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองเทรนด์ของตลาดเป็นหลัก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยมีหนี้สินต่อทุน D/E อยู่ที่ 0.3 เท่า ยังมีศักยภาพในการกู้ยืมได้อีกมาก ขณะที่ผลประกอบการบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตราว 15% ซึ่งจะเป็นการเติบโตจากตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนราว 65% ในขณะที่ตลาดในประเทศไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ซึ่งตลาดน้ำผลไม้ในภาพรวมปีนี้ก็น่าจะเติบโตได้ 4%

"เรายังมองการเข้าซื้อกิจการอื่นๆอีก และปัจจุบันก็มีคุยอยู่ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ซึ่งเราก็ถือว่ามีความพร้อมด้านการเงิน เพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งของบริษัทในอนาคต โดยการมองลงทุนเราก็มองหาสินค้าที่เป็นเทรนด์ของตลาดเป็นหลัก"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ