PS คาด"พฤกษา โฮลดิ้ง"จะเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นในเดือนพ.ย.,รุกเปิด 38 โครงการใหม่ใน H2/59

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 18, 2016 16:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพรชลิต พลอยกระจ่าง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) เปิดเผยว่า แผนการปรับโครงสร้างของบริษัทขณะนี้ได้ดำเนินการร่วมกับที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการปรับฐานโครงสร้างธุรกิจ ตามมติคณะกรรมการบริษัทที่ให้ขอถอนหุ้นของบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และให้มีการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งภายใต้ชื่อบมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง เพื่อเข้ามาทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ PS โดยแลกเปลี่ยนกับหุ้นประเภทเดียวกันของบริษัทโฮลดิ้ง ในอัตราการแลกหุ้นเท่ากับ 1:1 ซึ่งภายหลังการทำคำเสนอซื้อหุ้นเสร็จสิ้นหุ้นสามัญของบมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง จะเข้าเป็นหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แทนหุ้นสามัญของ PS ซึ่งตามเป้าหมายจะเป็นในเดือนพ.ย.นี้

สำหรับวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง เนื่องจากต้องการหารายได้ที่สม่ำเสมอ (Recurring Income) ซึ่งจะเน้นในธุรกิจบริการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล หรือพัฒนาพื้นที่ให้เช่า เป็นต้น

นายพรชลิต กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนั้น บริษัทเตรียมเปิดอีก 38 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท จากช่วงครึ่งปีแรกเปิดโครงการใหม่แล้ว 27 โครงการ มูลค่า 1.96 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 5.1 หมื่นล้านบาท จากในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 2.16 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 42% ของเป้าหมาย

ขณะที่คาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 2.37 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ 1.12 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายอีก 168 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 139 โครงการ และโครงการแนวสูง 29 โครงการ

"หลังจากในช่วงที่ผ่านมามีมาตรการจากภาครัฐออกมาช่วยทำให้มีคนเข้ามาเร่งโอนโครงการมากขึ้น และหลังจากที่มาตรการต่าง ๆหมดยอดขายก็ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเรามีการเปิดโครงการใหม่ค่อนข้างมาก และโดยปกติแล้วในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่มีกำลังซื้อ และคนตัดสินใจซื้อได้ค่อนข้างดี ทำให้เราเชื่อว่าเราจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้"นายพรชลิต กล่าว

นายพรชลิต กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 8% หรือมีมูลค่า 3.8 แสนล้านบาท จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีโอกาสเติบโตได้มากกว่า 3% หลังมีภาพเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ยอดปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทขณะนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 7% แต่ปัญหาหนี้ครัวเรือนก็เริ่มลดลงแล้ว และปีนี้โครงการรถยนต์คันแรกก็จะครบเวลา 5 ปีทำให้เชื่อว่าจะเริ่มเห็นภาระหนี้ของประชาชนลดลงมากขึ้นอย่างชัดเจน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ