บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) แจ้งว่าบริษัทจะนำ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 411.11 ล้านหุ้น ซึ่งจะมาจากหุ้นเพิ่มทุนใหม่และหุ้นเดิมของ PTTGC รวมถึงมีกรีนชูอีกส่วนหนึ่งด้วย หวังระดมทุนเพื่อใช้ขยายงานโดยเฉพาะโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ในอนาคต โดยการขายหุ้นครั้งนี้จะไม่ให้สิทธิการจองซื้อหุ้นสามัญก่อน (Pre-emptive Rights) แก่ผู้ถือหุ้นของ PTTGC
PTTGC ระบุว่า บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล เป็นบริษัทแกนนำของธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Flagship Company) ของกลุ่มบริษัท ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตเมทิลเอสเทอร์ รายใหญ่ที่สุด และเป็นผู้ผลิตแฟตตี้แอลกอฮอล์เพียงรายเดียวในประเทศนั้น ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ ในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้นและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) แล้วในวันนี้
ขณะที่บริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นของ GGC ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้น และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ไปพร้อมกันด้วย เนื่องจากบริษัทอาจจะพิจารณาเสนอขายหุ้นที่ถืออยู่ใน GGC ต่อประชาชนในคราวเดียวกันกับ IPO ของ GGC ด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีอำนาจควบคุมใน GGC ภายหลัง IPO ครั้งนี้
สำหรับแบบเสนอขายหุ้นของ GGC ที่ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ระบุว่า GGC จะขายหุ้น IPO ไม่เกิน 411.11 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 10 บาท แบ่งเป็น หุ้นเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน 246.67 ล้านหุ้น หรือราว 25% ของหุ้นทั้งหมด และหุ้นสามัญเดิมของ PTTGC จำนวนไม่เกิน 164.44 ล้านหุ้น หรือราว 16.67% ของหุ้นทั้งหมด
ทั้งนี้ การที่ PTTGC จะขายหุ้นเดิมหรือไม่ หรือปริมาณของหุ้นเดิมที่ขายโดย PTTGC จะเป็นจำนวนเท่าใดนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ตามที่ PTTGC เห็นสมควร
นอกจากนี้ ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู) นั้น หุ้นส่วนเกินดังกล่าวจะมีจำนวนไม่เกิน 15% ของหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ หรือไม่เกิน 61.67 ล้านหุ้น ส่วนการกำหนดราคาขาย IPO จะกำหนดร่วมกันโดยสำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Bookbuilding) โดยมีบล.ภัทร และบล.ฟินันซ่า เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้เงินระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ในโครงการเมทิลเอสเทอร์แห่งที่ 2 ในช่วงปี 60-62 ,โครงการไบโอคอมเพล็กซ์ ในช่วงปี 60-63 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเงินลงทุนในโครงการในอนาคต ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปี 60-62 ด้วย
ในอนาคต PTTGC มีนโยบายที่จะรวมธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมของ PTTGC เข้าไปอยู่ภายใต้ GGC รวมถึงพิจารณาการขยายกิจการ หรือการลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมของ PTTGC ร่วมกันกับบริษัทในฐานะบริษัทแกนนำของธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ GGC เป็นผู้ดำเนินการขยายกิจการหรือการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวในอนาคต
ในปีที่ผ่านมา GGC ผลิตเมทิลเอสเทอร์ หรือไบโอดีเซล (B100) เพื่อนำไปผสมในน้ำมันดีเซล คิดเป็นสัดส่วน 24.9% ของเมทิลเอสเทอร์ทั้งหมดที่ผลิตในประเทศ ส่วนแฟตตี้แอลกอฮอล์ จะถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตเครื่องสำอาง สารลดแรงตึงผิว และเภสัชภัณฑ์ต่าง ๆ โดยมีลูกค้ารายใหญ่อยู่ในเครือบมจ.ปตท. (PTT)
ปีที่ผ่านมา GGC มีรายได้รวม 1.45 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 904.9 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้รวม 9.18 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 614.8 ล้านบาท
PTTGC ระบุในเอกสารที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ เพิ่มเติมว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ GGC ครั้งนี้จะไม่มีการให้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญก่อน (Pre-emptive Rights) แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไร (Earning Dillution) เพียง 2.94% ในกรณีที่บริษัทนำหุ้นออกมาขายพร้อม IPO และ 1.76% ในกรณีที่บริษัทไม่ร่วมเสนอขายหุ้นพร้อม IPO โดยทั้ง 2 กรณีตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ไม่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินจาก GGC
ก่อนการขายหุ้น IPO ครั้งนี้ PTTGC มีสัดส่วนการถือหุ้นใน GGC มากกว่า 99.99% และหลังการขาย IPO ในกรณีที่ PTTGC ขายหุ้นออกพร้อมกับ IPO จะทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้นลดเหลือ 58.33-54.90% และหากไม่ขายหุ้นออกมาพร้อมกับ IPO จะมีสัดส่วนถือหุ้นเหลือ 75-72.29% โดยบริษัทยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีอำนาจควบคุมใน GGC ภายหลัง IPO ครั้งนี้
โดยการนำหุ้น GGC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น บริษัทจะถูกห้ามขายหุ้น GGC ที่ถืออยู่จำนวน 55% หลัง IPO เป็นผลให้ต้องคงสัดส่วนไม่น้อยกว่า 55% หลัง IPO อย่างไรก็ดีบริษัทจะสามารถทยอยขายหุ้นได้ในอัตราส่วนไม่เกิน 25% ของหุ้นที่ถูกห้ามขาย เมื่อครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ บริษัทอาจมีการตกลงกับผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายในการห้ามขายหุ้น GGC ที่ถืออยู่ภายหลัง IPO เป็นการเพิ่มเติมต่อไป
นอกจากนี้จากการเสนอขายหุ้นของ GGC ในส่วนที่บริษัทถืออยู่ไม่เกิน 164.44 ล้านหุ้นต่อประชาชนนั้น บริษัทอาจพิจารณาขายหุ้นจำนวนดังกล่าวทั้งหมด หรือแต่บางส่วนให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (PP) ซึ่งอาจเป็นหรือไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ในราคาเดียวกันกับราคา IPO ได้ ซึ่งการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงดังกล่าวนั้น อาจจะเป็นการเสนอขายนอกกระบวนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ทั้งนี้ การที่บริษัทจะเสนอขายหุ้นเดิมหรือไม่ หรือปริมาณของหุ้นเดิมที่เสนอขายโดยบริษัทจะเป็นจำนวนเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ตามที่บริษัทเห็นสมควร