บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) แจ้งว่า Sun Partner Japan GK ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม ได้รับสินเชื่อโครงการ (Project Finance) วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,513 ล้านเยน จากธนาคารกรุงเทพ (BBL) เพื่อให้บริษัทนำไปใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น จำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 4.7779 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ บริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น เจแปน จำกัด (PSJP) ถือหุ้น 100% ใน Sun Partner Japan GK ขณะที่บริษัทถือหุ้นทางอ้อมใน PSJP ในสัดส่วน 87.36% โดยถือผ่านบมจ.เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ (CE)
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ CE กล่าวว่า ก่อนหน้านี้บริษัทดังกล่าวได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากธนาคารยูโอบี และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) โดยทั้งสองธนาคารให้วงเงินสนับสนุนรวมกัน 12,880 ล้านเยน
ขณะที่เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่ม CHOW โดยบริษัทย่อยได้ลงนามรับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้ในโครงการ อิบารากิ (Ibaraki) ขนาดกำลังการผลิต 1.20 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้เชื่อมต่อสายส่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) กับการไฟฟ้าญี่ปุ่นไปแล้วเมื่อเดือนก.ย.58 ที่ผ่านมา ส่วนที่เหลืออีก 3 โครงการ อยู่ระหว่างการรอลงนามในสัญญา
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อิบารากิ ถือเป็นโครงการที่ 3 ของ CHOW ที่จ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ โดยปัจจุบัน CHOW มีโครงการโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 23.5 เมกะวัตต์ จากการลงทุนเฟสแรกจำนวน 18 เมกะวัตต์ และโครงการลงทุนในเฟส 2 จำนวน 15 เมกะวัตต์ โดยที่เหลืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง พัฒนา และรอเชื่อมต่อสายส่งเพื่อขายไฟในเชิงพาณิชย์
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นของกลุ่ม CHOW ได้ดำเนินธุรกิจใน 3 รูปแบบ คือลงทุนด้วยตัวเองผ่านบริษัทย่อย โดยเริ่มเฟสแรกที่ขนาด 18 เมกะวัตต์ และเฟสที่ 2 จำนวน 15 เมกะวัตต์ดังกล่าว ส่วนรูปแบบที่สองพัฒนาโครงการเพื่อขายให้กับพันธมิตร ซึ่งขณะนี้ได้พัฒนาโครงการรวมทั้งสิ้น 9 โครงการ และลงทุนร่วมกันพันธมิตรจำนวน 24.04 เมกะวัตต์
โดยบริษัทมีนโยบายจะขยายการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นยังต้องการใช้ไฟฟ้าจากโครงการพลังงานทดแทนอีกเป็นจำนวนมาก ในขณะที่บริษัทมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้เป็นอย่างดี ประกอบกับที่ผ่านมาการลงทุนอย่างต่อเนื่องทำให้ CHOW ได้รับโอกาสทางธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ความไว้วางใจจากคู่ค้าและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินจากทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้ต้นทุนทางการเงินเริ่มลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสนับสนุนให้กลุ่ม CHOW ขยายธุรกิจด้านพลังงาน รองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น โดยหลังจากนี้มั่นใจว่า CHOW จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจพลังงานได้อย่างชัดเจน ตามเป้าหมายที่วางไว้